คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เป็นความผิดที่เกิดขึ้นและมีอยู่ต่อเนื่องกันไปตลอดเวลา นับตั้งแต่เมื่อบุคคลผู้นั้นได้ยึดถือเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจนกระทั่งขนเคลื่อนย้ายไป คดีนี้ปรากฏว่าคนร้ายซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองมาจ้างจำเลยให้ขับรถยนต์ไปส่งยังจุดหมายปลายทาง โดยจำเลยรู้จักคนร้ายเป็นอย่างดีและรู้ว่าเมทแอมเฟตามีนของกลาง 1,000 เม็ด คนร้ายจะนำไปจำหน่ายที่จังหวัดเชียงใหม่ การที่จำเลยรับจ้างขับรถยนต์เพื่อส่งคนร้ายโดยมียาเสพติดให้โทษนั้นอยู่ในความยึดถือหรือความปกครองดูแลของจำเลยด้วยถือว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครอง เมื่อจำเลยกับคนร้ายกระทำร่วมกันเพื่อให้บรรลุตามความประสงค์โดยการกระทำแต่ละขั้นตอนเป็นสาระสำคัญก่อให้เกิดเป็นความผิดขึ้น การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นตัวการมิใช่เป็นผู้สนับสนุน
การที่จำเลยขับรถยนต์มาถึงด่านตรวจ เจ้าพนักงานตำรวจให้สัญญาณหยุดรถเพื่อขอตรวจค้น จำเลยไม่ยอมหยุดและขับรถเลยไปจนต้องมีการไล่ติดตามเพื่อสกัดจับและจำเลยดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมนั้น เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการจะหลบหนี เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 138ริบเมทแอมเฟตามีน เฮโรอีน และรถยนต์ของกลาง บวกโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 267/2540 ของศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 (ที่ถูก ต้องระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ด้วย) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 10 ปี ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 11 ปีคำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก7 ปี 4 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือนของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 267/2540 ของศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอนเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ รวมจำคุก 8 ปี 10 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีน เฮโรอีน และรถยนต์ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 กระทงหนึ่งและมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 อีกกระทงหนึ่ง (แต่โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์) ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองจำคุก 6 ปี แต่เพียงกระทงเดียว ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสามคงจำคุก 4 ปี เมื่อบวกโทษจำคุกของจำเลยที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีก่อนแล้วรวมเป็นจำคุก 5 ปี 6 เดือน ให้ยกฟ้องในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่หรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 5 ฟังมาว่า จำเลยรับจ้างขับรถยนต์กระบะไปส่งคนร้ายที่มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองโดยจำเลยรู้จักคนร้ายที่นั่งรถมาด้วย ดังนี้ เห็นว่าการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นความผิดที่เกิดขึ้นและมีอยู่ต่อเนื่องกันไปตลอดเวลานับตั้งแต่เมื่อบุคคลผู้นั้นได้ยึดถือเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต จนกระทั่งขนเคลื่อนย้ายไปเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าคนร้ายซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองได้มาว่าจ้างจำเลยให้ขับรถยนต์กระบะไปส่งยังจุดหมายปลายทาง โดยจำเลยรู้จักกับคนร้ายเป็นอย่างดีและจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1,000 เม็ด ของกลาง คนร้ายจะนำไปจำหน่ายที่สถานที่ก่อสร้างในอำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.6 การที่เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยและยึดได้เมทแอมเฟตามีนจำนวน 1,000 เม็ด ของกลาง แม้จำเลยจะอ้างว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางไม่ใช่ของจำเลย แต่การที่จำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษ เมื่อจำเลยรับจ้างขับรถยนต์กระบะเพื่อส่งคนร้ายโดยมียาเสพติดให้โทษนั้นอยู่ในความยึดถือหรือความปกครองดูแลของจำเลยด้วย ก็ถือได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครอง เมื่อจำเลยกับคนร้ายกระทำร่วมกันเพื่อให้บรรลุตามความประสงค์ร่วมกันในการกระทำดังกล่าว โดยการกระทำแต่ละขั้นตอนเป็นสาระสำคัญก่อให้เกิดเป็นความผิดขึ้น การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นตัวการมิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัย ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังขึ้น ส่วนความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อจำเลยขับรถยนต์กระบะมาถึงด่านตรวจบ้านแม่แสะเจ้าพนักงานตำรวจได้ให้สัญญาณให้หยุดรถเพื่อตรวจ จำเลยไม่ยอมหยุดและได้ขับรถเลยไปจนต้องมีการไล่ติดตามเพื่อสกัดจับ โดยจ่าสิบตำรวจสำเริงเบิกความว่าจำเลยไม่ได้ชกต่อยทำร้ายร่างกายพยาน เพียงแต่ดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมเท่านั้นดังนี้ การที่จำเลยขับรถเลยไปไม่ยอมหยุดให้ตรวจค้นก็ดี การที่จำเลยดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมก็ดี เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการจะหลบหนี เมื่อไม่ได้ความซึ่งจำเลยกระทำอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้การกระทำของจำเลยจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ให้จำคุก 10 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือนของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 267/2540 ของศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอนเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ รวมจำคุก 7 ปี 14 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share