คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8219/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มาถึงสำนักงานที่ดินล่าช้าไปจากเวลานัดโอนที่ดินเพียง 25 นาที โดยฝ่ายจำเลยก็ยังพร้อมอยู่ที่สำนักงานที่ดินและยังคงเหลือเวลาดำเนินการอีกหลายชั่วโมง ย่อมไม่อาจถือได้ว่าคู่สัญญาในคดีนี้ถือเวลาที่แตกต่างกันดังกล่าวเป็นสาระสำคัญถึงขนาดทำให้อีกฝ่ายหนึ่งบอกเลิกสัญญาโดยไม่มีการผ่อนผันกันก่อนได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองกับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสองในวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๒ เวลา ๑๓ นาฬิกา ณ สำนักงานที่ดิน และโจทก์ทั้งสองตกลงชำระราคาที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยอีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท ในวันที่จำเลยโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หากโจทก์ทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือว่าเป็นการผิดสัญญายอมให้จำเลยริบเงินที่ได้ชำระมาแล้วทั้งหมด ศาลได้พิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
ต่อมาวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๒ โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องว่า เมื่อถึงวันนัดทนายโจทก์ทั้งสองไปถึงสำนักงานที่ดิน เวลา ๑๓.๒๕ นาฬิกา พบจำเลยจะชำระเงินค่าที่ดินให้ แต่จำเลยไม่ยอมรับจึงถือว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์ทั้งสองขอนำเงินมาวางศาลตามคำพิพากษา
วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๔๒ จำเลยยื่นคำร้องว่า เมื่อถึงวันนัดโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยไปรอโจทก์ทั้งสองที่สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาแม่แตง ตั้งแต่เวลา ๑๒.๒๐ นาฬิกา ถึง ๑๓.๒๕ นาฬิกา แต่โจทก์ทั้งสองไม่ไปรับโอนและชำระเงินค่าที่ดินแก่จำเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฝ่ายโจทก์ไปถึงสำนักงานที่ดินเมื่อได้ล่วงเลยเวลานัดไปแล้ว ถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา การที่จำเลยไม่รับเงินค่าที่ดินและโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสองนั้น เป็นสิทธิของจำเลย โจทก์จะขอให้ศาลบังคับจำเลยรับเงินและโอนที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสองไม่ได้ ให้คืนเงินที่โจทก์นำมาวางศาลแก่โจทก์
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า แม้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในข้อ ๑ จะกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายไปทำการโอนที่ดินและชำระราคาในวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๒ เวลา ๑๓ นาฬิกา ก็ตาม แต่การที่จะพิจารณาว่าฝ่ายใดผิดนัดผิดสัญญานั้นจะต้องพิจารณาการกระทำประกอบกับเจตนาที่ฝ่ายนั้นแสดงออกมาว่าจะไม่นำพาต่อการปฏิบัติตามนัดตามสัญญาหรือไม่เป็นสำคัญ ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ฝ่ายจำเลยไปถึงสำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาแม่แตง ก่อนเวลา ๑๓ นาฬิกา ส่วนโจทก์ทั้งสองมอบหมายให้ทนายความไปที่สำนักงานที่ดินดังกล่าวเมื่อเวลา ๑๓.๒๕ นาฬิกา พบจำเลยแต่จำเลยไม่ยอมโอนที่ดินให้ แม้ฝ่ายโจทก์จะไปถึงสำนักงานที่ดินล่าช้าไป ๒๕ นาที แต่เมื่อเพ่งเล็งถึงเจตนาของคู่สัญญาในกรณีนี้แล้วจะเห็นได้ว่า โจทก์ทั้งสองประสงค์จะได้รับโอนที่ดินให้ถูกต้องครบถ้วนภายในช่วงบ่ายของวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๒ ส่วนจำเลยก็ประสงค์จะได้รับเงินค่าที่ดินให้ถูกต้องครบถ้วนภายในช่วงบ่ายของวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๒ เช่นกัน โดยจะเริ่มดำเนินการตามแบบพิธีของทางราชการตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๓ นาฬิกา เป็นต้นไป หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขัดข้องที่จะเริ่มต้นดำเนินการในเวลาดังกล่าว แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็ยังพร้อมที่จะดำเนินการจนแล้วเสร็จภายในบ่ายของวันนั้นได้ เวลาเริ่มต้นดำเนินการที่ล่าช้าจาก ๑๓ นาฬิกา เป็น ๑๓.๒๕ นาฬิกา โดยที่ทางฝ่ายจำเลยก็ยังพร้อมอยู่ที่สำนักงานที่ดินและยังคงเหลือเวลาดำเนินการอีกหลายชั่วโมง ย่อมไม่อาจถือได้ว่าคู่สัญญาในคดีนี้ถือเวลาที่แตกต่างกันดังกล่าวเป็นสาระสำคัญถึงขนาดทำให้อีกฝ่ายหนึ่งบอกเลิกสัญญาโดยไม่มีการผ่อนผันกันก่อนได้ ข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าโจทก์ทั้งสองเป็นฝ่ายผิดนัดผิดสัญญา จำเลยจึงต้องไปทำการโอนที่ดินและรับชำระราคาจากโจทก์ทั้งสองตามสัญญาประนีประนอมยอมความต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังขึ้น
อนึ่ง ศาลชั้นต้นมิได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็มิได้สั่งแก้ไขในเรื่องนี้ จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและศาลฎีกาให้เป็นพับ.

Share