คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่ผู้ให้กู้และผู้กู้ตกลงกันในสัญญากู้ยืมเงินว่าผู้ให้กู้ยินยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นชำระแทนจำนวนเงิน โดยไม่คำนึงถึงราคาท้องตลาดแห่งทรัพย์สินหรือสิ่งของในเวลาและสถานที่ที่ส่งมอบนั้น ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการขัดต่อมาตรา 656 วรรคสอง จึงตกเป็นโมฆะ ผู้กู้ต้องใช้เงินตามสัญญา

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้เงินกู้ 58,111.27 บาทกับดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ชั้นนี้คดีมีปัญหาเฉพาะประเด็นที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้ศาลวินิจฉัยสัญญากู้รายพิพาทท้ายฟ้องข้อ 4 ที่ว่า ผู้ให้กู้ยินยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นแทนจำนวนเงิน โดยไม่คำนึงถึงราคาท้องตลาดแห่งทรัพย์สินหรือของในเวลาและสถานที่ส่งมอบนั้น เป็นโมฆะหรือไม่ เห็นว่า ข้อตกลงดังกล่าวที่ผู้ให้กู้ (โจทก์) ยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่น (คือรับเอาบ้านและที่ดินตามโฉนดเลขที่ 62251 เลขที่ดิน 1809หน้าสำรวจ 6785 แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ตามสัญญากู้เอกสารท้ายฟ้องหมาย 1) แทนเงินที่กู้ยืมไป โดยไม่คำนึงถึงราคาท้องตลาดแห่งทรัพย์สินหรือฟ้องในเวลาและสถานที่ที่ส่งมอบนั้น เป็นข้อตกลงที่ขัดกับข้อความดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรคสอง จึงตกเป็นโมฆะ จำเลยจึงเป็นฝ่ายแพ้คดีตามข้อตกลง

ส่วนฎีกาข้ออื่นของจำเลยที่ว่า เอกสาร จ.5 และใบเสร็จรับเงินรวม 4 ฉบับ ไม่มีข้อความแสดงว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ รับฟังเป็นพยานหลักฐานการกู้ยืมไม่ได้ และฎีกาที่ว่าโจทก์ยังมีหน้าที่จะต้องให้จำเลยกู้เงินต่อไปจนครบ 15 ปีหรือครบจำนวนเงิน 300,000 บาท ตามเงื่อนไขในสัญญาท้ายฟ้องนั้น เห็นว่าเป็นฎีกานอกประเด็นที่คู่ความตกลงกัน จึงไม่วินิจฉัยให้”

พิพากษายืน

Share