คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2554/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาเช่าซื้อที่ ส. ทำไว้ต่อจำเลยซึ่งโจทก์เป็นผู้ค้ำประกันอย่างลูกหนี้ร่วมได้กำหนดเวลาชำระราคาค่าเช่าซื้อเป็นรายเดือนติดต่อกันทุกวันสุดท้ายของเดือนรวม 18 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนที่ระบุไว้ อันเป็นการกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้แน่นอนแล้ว เมื่อ ส. ไม่ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อตามกำหนดเวลาดังกล่าวจึงได้ชื่อว่าตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลย จำเลยชอบที่จะเรียกให้โจทก์ชำระหนี้ได้นับแต่ ส. ผิดนัด แม้ตามสัญญาค้ำประกันสัญญาเช่าซื้อระบุว่า หาก ส.ยังมีเงินพึงได้จากจำเลย จำเลยต้องหักเงินค่าเช่าซื้อจากรายได้ของ ส.หากไม่สามารถหักได้ส. มีหน้าที่ต้องนำเงินค่าเช่าซื้อไปชำระ ถ้าไม่ชำระจึงจะได้ชื่อว่าส. ตกเป็นผู้ผิดนัดก็ตาม ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นเพียงข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีการชำระหนี้ระหว่าง ส. และจำเลยเท่านั้น เมื่อกำหนดเวลาชำระหนี้คงเป็นไปตามสัญญาเช่าซื้อซึ่ง ส. จะต้องชำระหนี้ตามกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ เมื่อส.ไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาส. ย่อมตกเป็นผู้ผิดนัด และตามสัญญาค้ำประกันระบุไว้ว่า ถ้า ส.ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่งผู้ค้ำประกันยอมชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระอยู่ โดยยอมให้หักจากเงินรายได้ทุกประเภทของโจทก์ที่จะพึงได้รับจากจำเลยเป็นรายเดือนติดต่อกันทุกเดือนในอัตราและจำนวนเดือนแทนผู้เช่าซื้อได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบล่วงหน้า ฉะนั้นจำเลยจึงมีสิทธิหักเงินเดือนของโจทก์ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่ ส. ค้างชำระได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายสมบูรณ์ เทพบินตา เช่าซื้อเครื่องซักผ้าจากจำเลย โดยโจทก์เป็นผู้ค้ำประกัน หลังจากทำสัญญาเช่าซื้อแล้วนายสมบูรณ์ ชำระค่าเช่าซื้อถึงเดือนมีนาคม 2534 จากนั้นไม่ชำระ ซึ่งตามสัญญาเช่าซื้อ จำเลยสามารถหักเงินค่าเช่าซื้อจากรายได้ทุกประเภทของนายสมบูรณ์ที่จะพึงได้รับจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ แต่จำเลยไม่ดำเนินการกลับหักเงินเดือนของโจทก์แทนตั้งแต่เดือนเมษายน 2534 ถึงเดือนเมษายน 2535 รวม 13 เดือน เป็นเงิน 17,680 บาท โดยไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินจำนวน 17,680 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 1,360 บาท นับแต่วันที่จำเลยหักเงินแต่ละงวดจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 3,906.41 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 17,680 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเงินแก่โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยให้การว่า ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมีคำสั่งให้นายสมบูรณ์ เทพบินตา ออกจากงาน จำเลยจึงไม่สามารถหักเงินเดือนของนายสมบูรณ์ได้ ทั้งนายสมบูรณ์ไม่ได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อให้แก่จำเลยอันเป็นการผิดสัญญา โจทก์ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยมีสิทธิหักเงินเดือนของโจทก์ตามสัญญาค้ำประกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2534 เป็นต้นไปได้ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาเช่าซื้อข้อ 3 ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน นายสมบูรณ์มิได้ชำระหนี้ตามกำหนดจึงตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือน จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้โจทก์ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ให้จำเลยได้ จำเลยจึงหาต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่หักจากเงินเดือนของโจทก์แต่อย่างใดไม่ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าการที่นายสมบูรณ์ เทพบินตา ต้องถูกให้ออกจากงานและไม่ได้ชำระค่าเช่าซื้อเครื่องซักผ้าตามสัญญานับตั้งแต่เดือนเมษายน 2534 นั้น เป็นการผิดนัดหรือไม่ เห็นว่า ตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 3 ได้กำหนดเวลาชำระราคาค่าเช่าซื้อเป็นรายเดือนติดต่อกันทุกวันสุดท้ายของเดือน รวม 18 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2533 เป็นต้นไป อันเป็นการกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้แน่นอนแล้วเมื่อนายสมบูรณ์ไม่ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อตามกำหนดเวลาดังกล่าวจึงได้ชื่อว่าตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือน จำเลยชอบที่จะเรียกให้โจทก์ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้นับแต่นายสมบูรณ์ผิดนัด ตามสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.2ส่วนสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 4 ซึ่งโจทก์อ้างว่านายสมบูรณ์ยังมีเงินพึงได้จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจำเลยต้องหักเงินค่าเช่าซื้อจากรายได้ของนายสมบูรณ์ก่อน หากไม่สามารถหักได้ นายสมบูรณ์มีหน้าที่ต้องนำเงินค่าเช่าซื้อไปชำระ ถ้าไม่ชำระจึงจะได้ชื่อว่าตกเป็นผู้ผิดนัดนั้น เห็นว่าข้อสัญญาดังกล่าวเป็นเพียงข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีการชำระหนี้เท่านั้น ส่วนกำหนดเวลาชำระหนี้คงเป็นไปตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 3 ซึ่งนายสมบูรณ์จะต้องชำระหนี้ตามกำหนดเวลาที่กำหนดไว้นั้น เมื่อนายสมบูรณ์ไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา นายสมบูรณ์ย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดแล้วเมื่อตามสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.2 ข้อ 2 ได้ระบุไว้ว่าถ้าผู้เช่าซื้อผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่งผู้ค้ำประกันยอมชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระอยู่ โดยยอมให้หักจากเงินรายได้ทุกประเภทของผู้ค้ำประกันที่จะพึงได้รับจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นรายเดือนติดต่อกันทุกเดือนในอัตราและจำนวนเดือนแทนผู้เช่าซื้อได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบล่วงหน้าฉะนั้น จำเลยจึงมีสิทธิหักเงินเดือนของโจทก์ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่นายสมบูรณ์ค้างชำระได้
พิพากษายืน

Share