คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องบังคับจำนอง และขอให้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยผู้จำนองด้วย แม้คำฟ้องจะมิได้บรรยายถึงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่จะให้จำเลยรับผิดนอกเหนือไปจากสัญญาที่จำนอง ก็มีผลเพียงว่าศาลจะบังคับตามคำขอของโจทก์ในส่วนที่ขอให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยไม่ได้เท่านั้น หาทำให้ฟ้องโจทก์ทั้งหมดเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน และมิได้ฎีกาคัดค้านว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมนั้นไม่ชอบด้วยเหตุผลอย่างไร ฉะนั้น ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจำนองหรือไม่จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
ทนายโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์ แม้โจทก์จะไม่ได้มอบอำนาจเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองดังกล่าวแล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 และถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้ยืมเงินไปจากโจทก์ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาทโดยจำนองที่ดินเป็นประกัน จำเลยค้างชำระต้นเงินและดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน ๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท โจทก์ทวงแล้วจำเลยไม่ชำระ จึงได้มอบให้ทนายความมีจดหมายบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยจำเลยได้รับแล้วก็เพิกเฉย จึงฟ้องขอบังคับจำเลยใช้เงิน ๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ในต้นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์หากจำเลยไม่ชำระ ขอให้เอาที่ดินที่จำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ หากขายได้ไม่พอชำระหนี้จำเลยยังต้องรับผิดชำระหนี้ทั้งหมด
จำเลยให้การว่าได้ทำสัญญาจำนองจริง แต่ไม่ได้รับเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาเพราะโจทก์คิดดอกเบี้ยล่วงหน้าในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้แล้วนำมารวมไว้ในสัญญาด้วย สัญญาจำนองไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย หนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์ไม่แสดงเหตุผลแห่งความรับผิดของจำเลยในการที่โจทก์ขอบังคับคดีจากทรัพย์สินอื่นของจำเลย จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีในต้นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ชำระให้ขายทอดตลาดที่ดินตามสัญญาจำนองมาชำระหนี้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้คำฟ้องโจทก์จะมิได้บรรยายถึงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่จะให้จำเลยรับผิดนอกเหนือไปจากสัญญาจำนองก็มีผลเพียงว่าศาลจะบังคับตามคำขอของโจทก์ในส่วนที่ขอให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยไม่ได้เท่านั้น หาทำให้ฟ้องโจทก์ทั้งหมดเคลือบคลุมไม่
จำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมนั้น ไม่ชอบด้วยเหตุผลอย่างไร ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมแล้วจำเลยก็แถลงไม่ติดใจสืบพยานอีก ฉะนั้น ปัญหาที่ว่าการที่จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลย เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจำนองหรือไม่นั้น จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
ที่จำเลยฎีกาว่า การบอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบเพราะการมอบอำนาจให้นายดวงทนายโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองมิได้ทำเป็นหนังสือนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้การมอบอำนาจดังกล่าวจะไม่ได้ทำเป็นหนังสือ แต่เมื่อนายดวงได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์ และโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองที่นายดวงได้บอกกล่าวในนามของโจทก์แล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๒๓ และถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว เทียบได้ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๔๒๗/๒๕๑๘
พิพากษายืน

Share