คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4082/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากรฯ มาตรา 27 ฐานหลีกเลี่ยงอากร กับมาตรา 99 ฐานสำแดงเท็จ เป็นความผิดต่างกรรมกัน คดีอาญาจะเลิกกันตาม ป.วิ.อ. มาตรา 37(4) โดยการเปรียบเทียบคดี ตาม พ.ร.บ. ศุลกากร มาตรา 102,102 ทวิ ก็ต่อเมื่อบุคคล ผู้กระทำความผิดตกลงยินยอมและใช้ค่าปรับก่อนถูกฟ้องเท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469มาตรา 27 พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 16พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 4, 5,6, 7, 8, 9 และขอให้จ่ายเงินรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 27 ตามฟ้องข้อ ก. ปรับ 869,469.80 บาท จำเลยให้การรับต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและพนักงานสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงเหลือค่าปรับ 652,102.35 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จ่ายเงินรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย ส่วนฟ้องข้อ ข.ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ขณะเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยเป็นผู้จัดการของบริษัทไทยเจริญ (ฮ่องกงท้าวไต๋) จำกัดได้สั่งเครื่องจักรหลายประเภทสำหรับการปรุงอาหารกระป๋องรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 457,685 บาท เข้ามาในราชอาณาจักร แต่จำเลยได้สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแสดงแบบรายการการค้า เพื่อชำระอากรต่ำกว่าราคาที่แท้จริงไปจำนวน 189,015.20 บาท เป็นเหตุให้อากรขาเข้าขาดไป28,352.25 บาท นายนิคม พิกุล ผู้อำนวยการกองนิติการปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมศุลกากรได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยไปทำความตกลงระงับคดีโดยจะเปรียบเทียบปรับจำเลยตามเอกสารหมาย จ.6 และ จ.7แล้ว แต่จำเลยไม่ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบ โจทก์จึงฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ที่จำเลยอ้างว่าการกระทำของจำเลยหากจะเป็นผิดกฎหมายก็เป็นความผิดฐานสำแดงเท็จ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรดังกล่าว ซึ่งขาดอายุความไปแล้ว แต่โจทก์มาแกล้งฟ้องจำเลยในข้อหาตามฟ้องเป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวนอกจากจะเข้าองค์ประกอบเป็นความผิดฐานสำแดงเท็จตามมาตรา 99 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำหรือยอมให้ผู้อื่นกระทำ หรือยื่น หรือจัดให้ผู้อื่นซึ่งใบขนสินค้าคำสำแดงใบรับรอง บันทึกเรื่องราว หรือตราสารอย่างอื่นต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ในเรื่องใด ๆ อันเกี่ยวกับพระราชบัญญัตินี้ หรืออันพระราชบัญญัตินี้บังคับให้กระทำนั้นเป็นความเท็จ… ท่านว่าผู้นั้นมีความผิด…” แล้วการกระทำของจำเลยยังเข้าองค์ประกอบเป็นความผิดฐานหลีกเลี่ยงค่าภาษีอากรตามมาตรา 27 ซึ่งบัญญัติว่า”ผู้ใดนำหรือพาของที่ยังมิได้เสียภาษี… หรือกระทำอย่างใดแก่ของเช่นว่านั้นก็ดี หรือเกี่ยวข้องด้วยประการใด ๆ ในการหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีศุลกากร หรือในการหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงบทกฎหมายหรือข้อจำกัดใด ๆ อันเกี่ยวแก่การนำของเข้า… โดยเจตนาจะฉ้อค่าภาษีของรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะต้องเสียสำหรับของนั้น ๆ …”อีกด้วย ซึ่งเป็นความผิดต่างกรรมกัน เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องจำเลยในความผิดตามมาตรา 99 เพราะคดีขาดอายุความ โจทก์ก็ย่อมฟ้องจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ ส่วนที่จำเลยอ้างว่า คดีของจำเลยได้มีการเปรียบเทียบไปแล้ว ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 102ประกอบด้วยมาตรา 102 ทวิ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติศุลกากรที่จำเลยยกขึ้นอ้างดังกล่าวให้อำนาจแก่อธิบดีกรมศุลกากรหรือคณะกรรมการที่ระบุไว้ในมาตรานั้น มีอำนาจที่จะงดการฟ้องร้องแก่บุคคลผู้กระทำความผิดตามมาตรา 27 ได้ เฉพาะในกรณีที่บุคคลนั้นตกลงยินยอมและใช้ค่าปรับก่อนจะถูกฟ้องแล้วเท่านั้นดังนั้น เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าปรับตามที่ตกลงยินยอมจึงถือไม่ได้ว่ามีการเปรียบเทียบคดีอันจะทำให้คดีของจำเลยเป็นอันเลิกกันตามมาตราดังกล่าว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 ประกอบด้วยมาตรา37(4) โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาต่อไปว่า บริษัทไทยเจริญ (ฮ่องกงท้าวไต๋)จำกัด เป็นผู้นำเครื่องจักรเข้ามาในราชอาณาจักร จำเลยในฐานะตัวแทนไม่ต้องรับผิดนั้น เห็นว่าความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27 นอกจากจะเอาความผิดกับผู้หลีกเลี่ยงภาษีอากรแล้วยังเอาความผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการหลีกเลี่ยงค่าภาษีอากรนั้นด้วย เมื่อจำเลยเกี่ยวข้องในการหลีกเลี่ยงภาษีอากรที่บริษัทไทยเจริญ(ฮ่องกงท้าวไต๋) จำกัด เป็นผู้นำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร การกระทำของจำเลยจึงต้องเป็นความผิด จำเลยจะยกเอาเหตุว่า จำเลยเป็นตัวแทนของบริษัทดังกล่าวมาเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้…”
พิพากษายืน.

Share