แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกู้เงินไปตามหนังสือสัญญากู้ จำเลยสู้ว่าไม่ได้รับเงินตามเอกสารสัญญากู้เพราะเหตุโจทก์จะยอมให้จำเลยกู้เงินตามฟ้องได้ต่อเมื่อขายนาจำเลยจึงเซ็นนามไว้ในสัญญากู้ของโจทก์ก่อนแต่แล้วขายนาไม่ได้ ถือว่าจำเลยต่อสู้และจะขอสืบว่าหนี้ตามเอกสารสัญญากู้ไม่สมบูรณ์หรือเพื่อทำลายเอกสารนั้นและการสืบว่าหนี้ไม่สมบูรณ์นี้ถือว่าเป็นการสืบที่ทั้งแก้ไขและทำลายเอกสารเข้าอยู่ในวรรคท้ายแห่ง ม.94 วิ.แพ่ง โดยชัด เพราะการสืบทำลายนั้นย่อมต้องมีการแก้ไขอยู่ในตัว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้เงินกู้ตามสัญญาท้ายฟ้องจำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยผิดนัด ขอศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ทั้งค่าธรรมเนียม
จำเลยให้การว่าจำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์ตามฟ้องจริง แต่ยังไม่ได้รับเงินไป เนื่องจากโจทก์จะขายที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งจำเลยเป็นผู้วิ่งเต้นจัดการขาย โจทก์จำเลยต่างตกลงกันว่าเมื่อจำเลยขายได้โจทก์จะยอมให้จำเลยยืมเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยโจทก์ได้เซ็นมอบอำนาจให้ไปในแบบพิมพ์แล้วเพื่อเป็นหลักฐานจำเลยเซ็นนามในสัญญากู้ให้โจทก์ไว้เพราะจำเลยเชื่อว่าคงต้องขายนานั้นได้ จำเลยจึงเซ็นสัญญากู้ให้โจทก์โดยจำเลยมิได้ให้ความสมบูรณ์ด้วย่ขีดฆ่าอากรแสตมป์ที่ปิดจนกว่าจำเลยจะได้รับเงินตามสัญญานั้น ครั้นต่อมาผู้จะซื้อที่ดินไม่ตกลงจะซื้อโจทก์จึง มิได้จ่ายเงินตามสัญญากู้นั้นให้จำเลย โจทก์จำเลยเป็นคนชอบพอกัน จำเลยจึงมิได้ขอสัญญากู้คืนเชื่อว่าจะไม่เกิดคดีขึ้น ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง
ศาลแพ่งพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยได้รับเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทตามสัญญาพิพากษายกฟ้อง
แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยจะนำสืบว่าไม่ได้รับเงินไม่ได้ เพราะเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญากู้ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๙๔ (ข) พิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามฟ้อง
แต่มีความเห็นแย้งว่าจำเลยมีสิทธิสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ได้ตามความในป.วิ.แพ่ง ม.๙๔ วรรคท้าย
จำเลยจึงฎีกาขึ้นมา
ศาลฎีกาได้ฟังคำแถลงคู่ความแล้วปรึกษาเห็นว่าความใน ป.วิ.แพ่ง ม.๙๔(ข) บัญญัติห้ามมิให้สืบพยานบุคคลเพิ่มเติม ตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร และความในตอนท้ายแห่งมาตราเดียวกันบัญญัติว่าบทบัญญัติแห่งมาตรานี้มิให้ถือว่าเป็นการตัดสิทธิคู่ความในอันที่จะกล่าวอ้างและนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างว่าพยานเอกสารที่แสดงนั้นเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมด หรือบางส่วนหรือสัญญาหรือหนี้อย่างอื่นที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์หรือ คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตีความหมายผิด
เมื่อพิจารณาข้อความทั้งสองวรรคใน ก.ม.นี้แล้วทำให้เห็นว่า โดยปกติคู่ความสืบพยานบุคคลแก้ไขข้อความโดยเฉพาะในเรื่องนี้ก็คือหนี้ในเอกสารมิได้ เว้นแต่จะสืบว่าเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าสืบเพื่อทำลายเอกสารได้ ก็ในเรื่องนี้ จำเลยอ้างว่าไม่ได้รับเงินตามเอกสารเพราะเหตุโจทก์จะยอมให้จำเลยกู้เงินจำนวนนี้ต่อเมื่อขายที่นาได้ จำเลยจึงได้เซ็นนามให้ไว้ก่อน แต่แล้วก็ขายไม่ได้ ดังปรากฏในคำให้การที่กล่าวแล้วข้างต้น จึงเป็นเรื่องจำเลยประสงค์สืบว่าหนี้ตามเอกสารไม่สมบูรณ์ หรือเพื่อทำลายเอกสารนั้น คดีจึงเข้าอยู่ในวรรคท้ายแห่ง ม.๙๔ แห่ง ป.วิ.แพ่ง ม.๙๔ ดังความเห็นแย้ง
หากจะมีข้ออ้างว่าก็ในเอกสารมีข้อความชัดเลยแล้วว่าจำเลยได้รับเงินไปครบถ้วนแล้วจะให้จำเลยสืบว่าไม่ได้รับเงินไปมิเป็นการให้สืบแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นหรือก็พอจะถือว่าการสืบว่าหนี้ไม่สมบูรณ์เพื่อทำลายเอกสารนั้นเป็นการสืบที่ทั้งแก้ไขและทำลายเอกสาร เข้าอยู่ในวรรคท้ายแห่ง ม.๙๔ โดยขัด เพราะการสืบทำลายนั้นย่อมต้องมีการแก้ไขอยู่ในตัว
ส่วนคำพิพากษาฎีกาที่ ๗๙๔/๒๔๙๓ นั้นรูปคดีไม่เหมือนกับคดีนี้จะยกมาปรับมิได้
เหตุนี้พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาต่อไป ค่าธรรมเนียมชั้นนี้เป็นพับ.