แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยครองครองที่ดินมีโฉนดมาเกิน 10 ปี แต่มิได้จดทะเบียนสิทธิการครอบครองให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนี้ จำเลยจะอ้างอำนาจกาาครอบครองโดยปรปักษ์ใช้ยันกับโจทก์ซึ่งได้สิทธิในที่ดินนั้นมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และได้จดทะเบียนสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคท้าย หาได้ไม่
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ ศาลสั่งให้รวมการพิจารณา โดยเรียกนายทรงเป็นโจทก์ นายยกและนางเจิมเป็นจำเลย สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่าโจทก์และนางไป๋ภรรยาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่นาโฉนดเลขที่ ๑๓๔ ตำบลโคกสลุด อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เนื้อที่ ๔๘ ไร่ ๑ งาน ๓๖ วา โดยซื้อจากนางพวงนางแก้วเมื่อ ๔- ๕ ปีมานี้ โดยเสียค่าตอบแทนโอนแก้ทะเบียนหลังโฉนดและเข้าปกครองทำกินตลอดมาจนบัดนี้ ต่อมาเดือนมีนาคม ๒๕๐๓ จำเลยบังอาจไถทำลายคันนาและหว่านข้าวเปลือกเข้ามาในนาของโจทก์ โดยกว้างทางเหนือประมาณ ๗ วา ยาวเป็นรูปชายธงไปทางทิศใต้ประมาณ ๔ เส้นเศษ คิดเป็นเนื้อที่ ๓ งานเศษ มีราคา ๓,๐๐๐ บาท โจทก์ห้ามจำเลยก็ไม่เชื่อฟัง การทีจำเลยบุกรุกเข้ามาในที่ดินทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลห้ามมิให้จำเลยกับบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ให้จำเลยทำให้ที่นาของโจทก์คงอยู่ในสภาพเดิมและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายใน พ.ศ.๒๕๐๓ เป็นเงิน ๓๐๐ บาท และปีต่อไปอีกปีรละ ๓๐๐ บาทจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า ที่ดินตามแผนที่วิวาทท้ายฟ้องของโจทก์อยู่ในเขตที่ดินของจำเลยที่ได้ซื้อมาจากนางเชื่อมเมื่อประมาณ ๒๕ ปีมาแล้ว จำเลยไถหว่านในเขตที่นาของจำเลย มิได้บุกรุกโจทก์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทตามแผนที่วิวาทท้ายฟ้องโจทก์มาเกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว จึงได้กรรมสิทธิ์ ขอศาลยกฟ้องโจทก์
สำนวนที่ ๒ นายยกนางเจิม กลิ่นชะเอม เป็นโจทก์ฟ้องนายทรงเป็นจำเลย ความว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่นาตามโฉนดที่ ๗๒๙๕ เนื่อที่ ๒๗ ไร่ ๙๖ วา โดยซื้อจากนางเชื่อม กรอบสวย เมื่อ ๒๕ ปีมานี้ จำเลยเป็นเจ้าของนาโฉนดเลขที่ ๑๓๔ เนื้อที่ ๔๘ ไร่ ๑ งาน ๓๖ วา ซึ่งอยู่ติดกับนาของโจทก์ทางด้านตะวันตก โดยซื้อจากนางแก้วนางพวงเมื่อประมาณ ๔- ๕ ปีมานี้ ต่อมาเมื่อจำเลยเป็นโจทก์ตามสำนวนแรกจึงทราบว่าเขตที่โจทก์ครอบครองกินเข้าไปในเขตโฉนดของจำเลยประมาณ ๓ งาน ๑๙ วา ที่ดินดังกล่าวนี้โจทก์ได้ครอบครองโดยสงบและเปิดเผยแสดงเจตนาเป็นเจ้าของมาเกินกว่า ๑๐ ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง
นายทรง ท้วมจีน จำเลยให้การสู้คดีว่า โจทก์มิได้ครอบครองเกิน ๑๐ ปีดังฟ้อง แม้โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทมาถึง ๒๕ ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ เพราะโจทก์มิได้จดทะเบียนการได้มาตามกฎหมาย ขอให้ศาลยกฟ้อง
ในวันชี้สองสถาน คู่ความรับกันว่า แผนที่วิวาทที่เจ้าพนักงานที่ดินทำไว้เป็นการถูกต้องตามที่คู่ความนำชี้ รวมทั้งจำนวนเนื้อที่ดินที่ปรากฏในแผนที่วิวาทด้วย
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท จำเลยเป็นฝ่ายบุกรุกทำให้โจทก์เสียหาย จึงพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ปีละ ๓๐๐ บาทและให้ยกฟ้องโจทก์ในคดีดำที่ ๑๔/๒๕๐๔ (สำนวนที่ ๒)
นายยกนางเจิม กลิ่นชะเอม จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายยกนางเจิม กลิ่นชะเอม จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิฉัยแล้วว่า ที่พิพาทในคดีนี้อยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ การที่จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมาเกิน ๑๐ ปี ก่อนโจทก์ซื้อที่ดินตามหน้าโฉนดของโจทก์จากนางพวงนางแก้ว เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๙ และการซื้อขายก็ได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย หลังจากโจทก์ได้ซื้อที่นี้แล้ว การที่จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทจำเลยก็มิได้จดทะเบียนสิทธิ เมื่อโจทก์เป็นบุคคลภายนอก ได้สิทธิมาโดยการเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิตามมาตรา ๑๒๙๙ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ วรรคท้ายแล้ว กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทจึงเป็นของโจทก์ ตามนัยฎีกาที่ ๙๓๔/๒๔๙๗ แล้วพิพากษายืน