คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

อ. เป็นลูกค้านำรถจักรยานยนต์มาซ่อมกับจำเลย จำเลยย่อมจะจำได้ว่ารถจักรยานยนต์ที่ อ. นำมาซ่อม และขายชิ้นส่วนเป็นรถของ อ.หรือไม่การที่อ.นำรถจักรยานยนต์มาซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ จำเลยอ้างว่าไม่มีทุนซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนให้แต่เมื่อ อ. บอกขายชิ้นส่วนอะไหล่ จำเลยกลับมีเงินซื้อ ปกติรถจะต้องมีป้ายทะเบียน แต่ขณะที่ อ. เอารถจักรยานยนต์มาให้จำเลยซ่อมและขายชิ้นส่วน กลับไม่ปรากฏว่ามีป้ายทะเบียน ประกอบกับรถจักรยานยนต์ที่ อ.นำมานั้นชิ้นส่วนยังดีอยู่ไม่น่าที่อ.จะถอดขาย พฤติการณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ที่ อ. นำมานั้น เป็นรถที่ถูกลักมา จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร จำเลยประกอบอาชีพสุจริตตลอดมา ไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดอาญามาก่อน การกระทำผิดของจำเลยน่าจะเกิดจากความโลภควรรอการลงโทษจำเลยไว้เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357,83 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน32,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก ลงโทษจำคุก 2 ปี ที่โจทก์ขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 32,000 บาท แก่ผู้เสียหายนั้นเห็นว่า จำเลยมีความผิดฐานรับของโจร และทรัพย์ที่จำเลยรับไว้ผู้เสียหายได้รับคืนไปหมดแล้ว ส่วนทรัพย์ที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคานั้น ไม่ใช่ทรัพย์ที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดฐานรับของโจร จึงไม่อาจสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาตามขอได้ ให้ยกคำขอของโจทก์ส่วนนี้เสีย สำหรับข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ตั้งอยู่ที่ตลาดห้วยขวาง จำเลยรับซ่อมรถจักรยานยนต์และรับซื้ออะไหล่รถจักรยานยนต์ด้วย นายอารมณ์มีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ที่บริเวณหอนาฬิกาตลาดห้วยขวาง นายอารมณ์เป็นลูกค้านำรถจักรยานยนต์มาซ่อมที่ร้านจำเลย เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2532 นายอารมณ์กับพวกลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปและนำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปให้จำเลยซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่ จำเลยบอกนายอารมณ์ว่าไม่มีทุนซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนให้ นายอารมณ์จึงบอกขายชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นของกลางไว้ มีปัญหาในชั้นฎีกาว่า จำเลยรับซื้อของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ เห็นว่า การที่นายอารมณ์นำรถจักรยานยนต์มาให้จำเลยซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ จำเลยบอกนายอารมณ์ว่าไม่มีเงินซื้อ แต่เมื่อนายอารมณ์บอกขายชิ้นส่วนอะไหล่ จำเลยกลับมีเงินซื้อ นอกจากนี้รถจักรยานยนต์ต้องมีป้ายทะเบียน ขณะที่นายอารมณ์นำรถจักรยานยนต์มาให้จำเลยซ่อมและขายชิ้นส่วนกลับไม่ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์ดังกล่าวมีป้ายทะเบียนและที่จำเลยอ้างว่านายอารมณ์เป็นลูกค้านำรถจักรยานยนต์มาซ่อมที่ร้านของจำเลย จำเลยย่อมจะจำได้ว่ารถจักรยานยนต์ที่นายอารมณ์นำมาซ่อมและขายชิ้นส่วนให้เป็นของนายอารมณ์หรือไม่ ประกอบกับรถจักรยานยนต์ที่นายอารมณ์นำมานั้น ชิ้นส่วนต่าง ๆ ยังดีอยู่นายอารมณ์ไม่น่าจะถอดชิ้นส่วนขายพฤติการณ์ต่าง ๆ ของจำเลยดังกล่าว ศาลฎีกาเชื่อว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่ารถจักรยานยนต์ที่นายอารมณ์นำมานั้นเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานรับของโจรแต่เนื่องจากจำเลยประกอบอาชีพโดยสุจริตตลอดมาไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดอาญามาก่อน การกระทำผิดของจำเลยในครั้งนี้น่าจะเกิดจากความโลภ เห็นควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้เพื่อให้โอกาสจำเลยได้กลับตนเป็นพลเมืองดีต่อไป”
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 2 ปี ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 คำขออื่นให้ยก

Share