คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2660/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายเมื่อทางพิจารณาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวอันควรตกเป็นบุคคลล้มละลายดังกล่าว ศาลต้องมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 อันเป็นกระบวนพิจารณาที่ศาลดำเนินไปตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติหาใช่เป็นเรื่องที่ศาลมีคำสั่งนอกเหนือเกินเลยไปจากคำขอตามฟ้องกรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลายจำเลยทั้งสองไม่ยื่นคำให้การ และจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยทั้งสองโต้แย้งว่า โจทก์มิได้ขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด การที่ศาลมีคำสั่งไปเช่นนั้นจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 เห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย และเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว อันควรตกเป็นบุคคลล้มละลายดังกล่าวศาลจึงมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด ตามมาตรา 14แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 อันเป็นกระบวนพิจารณาที่ศาลดำเนินไปตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติหาใช่เป็นเรื่องศาลมีคำสั่งนอกเหนือเกินเลยไปจากคำขอตามฟ้องดังที่จำเลยทั้งสองเข้าใจไม่ กรณีจึงไม่ต้องด้วย มาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาชอบแล้วฎีกาจำเลยทั้งสองทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share