คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2547/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์จำเลยสร้างรั้วรุกล้ำเข้ามาขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนรั้วออกไปจากที่ดินพิพาทของโจทก์จำเลยให้การว่าจำเลยกั้นรั้วตามแนวเขตที่ดินของจำเลยที่จำเลยได้กรรมสิทธิ์มาโดยการครอบครองปรปักษ์เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ที่ดินพิพาทราคา9,600บาทแม้จะมีคำขอให้จำเลยรื้อถอนรั้วที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินพิพาทด้วยก็ตามแต่ประเด็นสำคัญของคดีอยู่ที่ว่าที่ดินพิพาทเป็นของใครส่วนคำขอให้รื้อถอนรั้วออกไปเป็นผลต่อเนื่องในเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเท่านั้นถือไม่ได้ว่าเป็นคดีมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แยกกันได้จากคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์อย่างเดียวเมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกินห้าหมื่นบาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดจำเลยได้ก่อสร้างรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันตกประมาณ 7 ตารางวา ซึ่งเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนรั้วที่ปลูกสร้างรุกล้ำออกไปจากที่ดินโจทก์ และทำให้ที่ดินของโจทก์อยู่ในสภาพเรียบร้อย
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ก่อสร้างรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ การก่อสร้างรั้วของจำเลยทำโดยสุจริตตามความเป็นจริงตามแนวที่ดินที่จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และครอบครองมาแต่เดิมเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว โดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายก อุทธรณ์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฎตามฟ้องโจทก์กล่าวว่า ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยสร้างรั้วรุกล้ำเข้ามาเป็นเนื้อที่ 4.6 ตารางวา ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยรื้อถอนรั้วออกไปจากที่ดินพิพาทของโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยกั้นรั้วตามแนวเขตที่ดินของจำเลยซึ่งจำเลยได้กรรมสิทธิ์มาโดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ซึ่งโจทก์ตีราคาที่ดินพิพาทตารางวาละ 1,500 บาทรวมเนื้อที่ดินพิพาท 4.6 ตารางวา เป็นราคา 9,600 บาท จำเลยมิได้คัดค้านราคาที่ดินพิพาทเป็นอย่างอื่น จึงถือได้ว่าคดีนี้มีราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ 9,600 บาท แม้จะมีคำขอให้จำเลยรื้อถอนรั้วที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินพิพาทอยู่ด้วยก็ตามต้องพิจารณาว่าคำขอนั้นแยกจากกันได้หรือไม่ เห็นว่า ประเด็นสำคัญของคดีนี้อยู่ที่ว่าที่ดินพิพาทเป็นของใคร ส่วนคำขอให้รื้อถอนรั้วออกไปเป็นผลต่อเนื่องในเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเท่านั้น เรียกไม่ได้ว่าเป็นคดีมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แยกกันได้จากคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์อย่างเดียวเมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกั้นรั้วตามแนวเขตที่ดินของจำเลย การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าแนวเขตที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่กลางคูน้ำ รั้วไม้ไผ่ที่จำเลยกั้นรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์และกั้นไม่ถึง 10 ปี จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534มาตรา 14 อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะโจทก์ยื่นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share