คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลนัดสืบพยานจำเลยเวลา 9.00 นาฬิกา ถึงเวลานัดทนายจำเลยมาศาลแต่พยานจำเลยยังไม่มา ทนายจำเลยรอพยานอยู่นอกห้องพิจารณาโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนคดีต่อศาลหรือเจ้าหน้าที่ของศาล ศาลออกนั่งพิจารณาเวลา 9.33 นาฬิกา และสั่งว่า จำเลยไม่มาศาล โดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนถือว่าไม่มีพยานมาสืบและนัดฟังคำพิพากษา เช่นนี้แสดงว่าศาลรอจำเลยเกินกำหนดนัดไป 33 นาที โดยจำเลยมิได้ดำเนินการอย่างใด จำเลยจะอ้างว่าเป็นความเข้าใจผิดของทนายจำเลยว่าศาลจะพิจารณาคดีของตนเป็นเรื่องที่สองไม่ได้ เพราะจะทำให้กำหนดวันเวลาที่ศาลนัดไว้ไร้ประโยชน์ จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องขอสืบพยานของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ ได้ขับขี่ รถจักรยานยนต์เพื่อทำธุรกิจในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ ไปตามถนนเพชรบุรีด้วยความประมาท เฉี่ยวชนโจทก์ล้มลงศีรษะกระแทกพื้นถึงสลบ ต้องเข้าโรงพยาบาลและกลายเป็นคนพิการ ขอค่ารักษาพยาบาล ค่าขาดรายได้ และค่าสินไหมทดแทนแก่ร่างกายอนามัย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๙๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๑ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ เคยทำงานอยู่กับจำเลยที่ ๒ แต่ถูกไล่ออกไปแล้วก่อนเกิดเหตุ วันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ มายืมรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ ๒ กับพนักงานของจำเลยที่ ๒ แล้วไปทำละเมิดต่อโจทก์ ค่าเสียหายไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ระหว่างพิจารณานัดสืบพยานจำเลยวันที่๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ จำเลยที่ ๒ ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยที่ ๒ ไม่มีพยานมาสืบและนัดฟังคำพิพากษา วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ จำเลยที่ ๒ มายื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตจำเลยที่ ๒ นำพยานมาสืบ ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำร้องนี้มิได้ขอให้ทำอะไร รวมสำนวนไว้แล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ชำระเงินแก่โจทก์ ๑๙๕,๗๐๙ บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ไต่สวนคำร้องลงวันที่๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ แล้วมีคำสั่งไปตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามที่จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องว่า ทนายจำเลยที่ ๒ มาศาลเมื่อเวลาประมาณ ๘.๓๐ นาฬิกา พยานจำเลยยังไม่มา เวลา ๙.๐๐ นาฬิกา ทนายจำเลยไปที่ห้องพิจารณาแล้วไม่พบเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ จึงออกมาโทรศัพท์ตามพยาน ครั้นไปที่ห้องพิจารณาพบว่ากำลังพิจารณาคดีอีกเรื่องหนึ่ง จึงออกมานั่งรอพยานที่แผนกประชาสัมพันธ์ตามที่นัดไว้แต่ยังไม่พบก็กลับมานั่งรอที่ห้องพิจารณา เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ได้มาตามและบอกว่าศาลได้สั่งตัดพยานจำเลยที่ ๒ และนัดฟังคำพิพากษาแล้วนั้น ปรากฏในรายงานกระบวนพิจารณาว่า ศาลออกนั่งพิจารณาคดีนี้เวลา ๙.๓๓ นาฬิกา ทนายโจทก์มาศาล นอกนั้นไม่มา จึงสั่งว่าจำเลยที่ ๒ ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อน ถือว่าไม่มีพยานมาสืบ แสดงว่าศาลได้รอฝ่ายจำเลยเกินกำหนดนัดไปถึง ๓๓ นาที จำเลยที่ ๒ ก็ยอมรับว่า ไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องเรื่องพยานมาช้าให้ศาลทราบ ทั้งมิได้ร้องขอเลื่อนคดี เพียงแต่อ้างว่าเป็นความสำคัญผิดของทนายจำเลยที่ ๒ ว่าศาลจะพิจารณาคดีของตนเป็นเรื่องที่สอง เช่นนี้ เห็นว่าจำเลยที่ ๒ ไม่สามารถยกขึ้นเป็นข้ออ้างได้ เพราะถ้ายอมให้อ้างเช่นนั้น กำหนดวันเวลาที่ศาลนัดไว้ก็ไร้ประโยชน์ เมื่อถึงเวลานัดแล้ว พยานไม่มาอันเป็นเหตุขัดข้องจำเลยที่ ๒ ก็มีหน้าที่ต้องแจ้งเหตุนั้นให้ศาลหรือเจ้าหน้าที่ของศาลทราบ แต่จำเลยที่ ๒ มิได้กระทำ หากไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ ๒ ก็คงฟังได้เพียงว่าพยานมาศาลช้ากว่ากำหนดนัดไป ๓๐ นาทีตามที่จำเลยที่ ๒ อ้าง ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยที่ ๒ไม่มีพยานมาสืบนั้นชอบแล้ว ไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ ๒
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share