แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2544 แม้ทนายจำเลยจะได้ยื่นคำแถลงขอถ่ายสำเนาคำพิพากษาไว้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2545 และยังไม่ได้รับสำเนาคำพิพากษา แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2545 เจ้าหน้าที่ศาลได้บันทึกไว้ในคำแถลงของจำเลยดังกล่าวว่าได้ดำเนินการถ่ายเอกสารให้แก่จำเลยเสร็จแล้วและยังปรากฏจากรายงานเจ้าหน้าที่ฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2545 อีกว่า โจทก์ได้มาติดต่อขอรับสำเนาคำพิพากษาจากศาลไปแล้ว ดังนี้ทนายจำเลยย่อมสามารถมาติดต่อขอรับสำเนาคำพิพากษาได้ตั้งแต่วันดังกล่าวเช่นกัน แต่จำเลยกลับปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยมาติดต่ออีกครั้งในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2545 แสดงให้เห็นว่าทนายจำเลยไม่เอาใจใส่ที่จะมาติดต่อขอรับสำเนาคำพิพากษาอย่างจริงจัง ที่ทนายจำเลยอ้างว่า เพิ่งได้รับสำเนาคำพิพากษา จึงยื่นอุทธรณ์ไม่ทันเพราะมีกำหนดระยะเวลาตามที่ศาลอนุญาตขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ไว้แล้วเหลือเพียง 7 วันนั้น จึงเป็นเพราะความบกพร่องของทนายจำเลยเอง ถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยอีกต่อไป
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิต สัญญาทรัสต์รีซีท สัญญาค้ำประกันและสัญญาจำนองเป็นเงินจำนวน 87,205,374.55 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14.50 ต่อปี จากต้นเงิน 57,563,001.37 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ถ้าไม่ชำระหรือชำระไม่ครบให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสามและทรัพย์จำนองพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ต้องชำระเงินจำนวน 87,205,374.55 บาท จำเลยที่ 2 และที่ 3 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันไม่เกินวงเงินคนละ 65,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14.50 ต่อปี จากต้นเงิน 57,563,001.37 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระหรือชำระไม่ครบ ให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโฉนดเลขที่ 10157, 238862 และโฉนดเลขที่ 49208 ออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ตามสัญญาจำนอง หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์จนครบ
หลังจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาแล้ว บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ตามพระราชบัญญัติบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ.2544 มาตรา 41 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต
ในวันที่ 22 มกราคม 2545 ก่อนครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ ทนายจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไป 30 วัน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปจนถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545 ต่อมาในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 ทนายจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน อ้างว่าทนายจำเลยทั้งสามเพิ่งได้รับสำเนาคำพิพากษา จึงไม่อาจยื่นอุทธรณ์ได้ภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลขยายให้
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า คำพิพากษาพิมพ์เสร็จนานแล้ว ไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามว่า กรณีมีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ตามคำร้องของจำเลยทั้งสามหรือไม่ โดยจำเลยทั้งสามอ้างว่า แม้ศาลเคยอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปจนถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545 แล้ว แต่ต่อมาทนายจำเลยทั้งสามไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายในกำหนดดังกล่าวเพราะทนายจำเลยทั้งสามเพิ่งได้รับสำเนาคำพิพากษาในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2545 ทั้งคดีมีข้อเท็จจริงและเอกสารที่จะต้องพิจารณาประกอบในการอุทธรณ์จำนวนมากนั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอ่านคำพิพากษาตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2544 แม้ทนายจำเลยจะได้ยื่นคำแถลงขอถ่ายสำเนาคำพิพากษาไว้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2545 และขณะนั้นทนายจำเลยทั้งสามยังไม่ได้รับสำเนาคำพิพากษา แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2545 เจ้าหน้าที่ศาลได้บันทึกไว้ในคำแถลงของจำเลยทั้งสามดังกล่าวว่าได้ดำเนินการถ่ายเอกสารให้แก่จำเลยทั้งสามเสร็จแล้ว และยังปรากฏจากรายงานเจ้าหน้าที่ฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2545 อีกว่า โจทก์ได้มาติดต่อขอรับสำเนาคำพิพากษาจากศาลไปแล้ว ดังนี้ทนายจำเลยทั้งสามย่อมสามารถมาติดต่อขอรับสำเนาคำพิพากษาได้ตั้งแต่วันดังกล่าวเช่นกัน แต่จำเลยทั้งสามกลับปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไป โดยมาติดต่ออีกครั้งในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2545 แสดงให้เห็นว่าทนายจำเลยทั้งสามไม่เอาใจใส่ที่จะมาติดต่อขอรับสำเนาคำพิพากษาอย่างจริงจัง ทั้งที่คดีนี้มีทุนทรัพย์สูง หากทนายจำเลยทั้งสามมาขอรับสำเนาคำพิพากษาหลังจากคำพิพากษาพิมพ์เสร็จเสียแต่เนิ่น ๆ เช่นโจทก์ ทนายจำเลยทั้งสามก็จะมีเวลาที่จะอุทธรณ์มากขึ้น ที่ทนายจำเลยทั้งสามอ้างว่า ทนายจำเลยทั้งสามเพิ่งได้รับสำเนาคำพิพากษา ทนายจำเลยทั้งสามจึงยื่นอุทธรณ์ไม่ทันเพราะมีกำหนดระยะเวลาตามที่ศาลอนุญาตขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ไว้แล้วเหลือเพียง 7 วันนั้น จึงเป็นเพราะความบกพร่องของทนายจำเลยทั้งสามเอง ถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยทั้งสามอีกต่อไป ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์แก่จำเลยทั้งสามอีกนั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน