แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนเป็นร้านอาหารในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ชายตลิ่งริมแม่น้ำ มีทางสาธารณะคั่นอยู่ระหว่างที่ดินของโจทก์กลับร้านอาหารของจำเลย จำเลยจึงมิได้ปลูกสร้างโรงเรือนบังหน้าที่ดินของโจทก์หรือปิดกั้นทางลงสู่ แม่น้ำของโจทก์ และโจทก์ยังไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทมาก่อนจำเลยโจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายเป็นกรณีพิเศษตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนออกไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินโจทก์โฉนดเลขที่ 16806 ตำบลบางพลัด (บางพลู)อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ทางด้านทิศตะวันออกลึก 1.2 เมตรยาว 7.4 เมตร และโรงเรือนที่ปลูกสร้างขวางทางออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสี่รื้อถอนโรงเรือนที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินของโจทก์แต่จำเลยทั้งสี่เพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารพร้อมกับรื้อถอนโรงเรือนออกไปจากที่ดินและหน้าที่ดินโจทก์ให้จำเลยทั้งสี่รวมกันใช้ค่าเสียหายเดือนละ 126,916.66 บาท แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะขนย้ายและรื้อถอนโรงเรือนดังกล่าวออกไปจากที่ดินและหน้าที่ดินโจทก์เสร็จ
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า จำเลยทั้งสี่มิได้ร่วมกันปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินโจทก์ ที่ดินโจทก์ด้านทิศตะวันออกมีทางภารจำยอมตัดผ่านโจทก์ไม่มีสิทธิใช้ประโยชน์ที่ริมตลิ่งและฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสี่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 4 ถึงแก่กรรมนางอำภา วิชัยดิษฐ์ และนางสาวศิริพร วงศ์สวัสดิ์ ผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทมิใช่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์มีทางสาธารณะคั่นอยู่ระหว่างที่ดินของโจทก์และร้านอาหารของจำเลยที่ 3 เมื่อเป็นเช่นนี้จำเลยทั้งสี่จึงมิได้ปลูกสร้างโรงเรือนดังกล่าวบังหน้าที่ดินโจทก์หรือปิดกั้นทางลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาของโจทก์ และโจทก์ยังไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทมาก่อนจำเลย โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายเป็นกรณีพิเศษตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยทั้งสี่รื้อถอนโรงเรือนออกไปจากที่ดินพิพาท
พิพากษายืน