คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การชำระเงินไถ่ถอนการขายฝากนั้น. ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องทำตามแบบ หรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด
ฉะนั้นการชำระเงินไถ่ถอนการขายฝากโดยไม่มีเอกสารใบรับเงินต่อกันจึงเป็นเรื่องที่จะนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ ไม่ขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางตัวเอียด ขายฝากที่บ้าน 1 แปลงไว้กับโจทก์แล้วไม่ไถ่ถอนคืนภายในกำหนด จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่โจทก์ แล้วนางตัวเอียดถึงแก่กรรมจำเลยที่ 1 ผู้เป็นทายาทกับจำเลยที่ 3 เอาที่พิพาทไปขายแก่จำเลยที่ 2 เสีย จึงขอให้จำเลยที่ 1 โอนที่พิพาทแก่โจทก์ และทำลายนิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยเสีย

จำเลยที่ 1-3 ต่อสู้ บิดาโจทก์เป็นผู้รับขายฝากที่พิพาทไว้แต่ใส่ชื่อโจทก์แทน จำเลยได้ไถ่ถอนกับบิดาโจทก์แล้ว แต่ยังไม่ทันแก้ทะเบียน บิดาโจทก์ถึงแก่กรรมเสียก่อน และฟ้องแย้งขอให้โจทก์แก้ทะเบียนการไถ่ถอน

จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่าซื้อไว้โดยสุจริต

ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน แล้วพิพากษาว่าที่รายพิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยไม่ให้เกี่ยวข้อง

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ต่อมา

ศาลฎีกาเห็นว่า การชำระเงินไถ่ถอนการขายฝากที่ดินนั้นไม่มีกฎหมายบังคับว่า ต้องทำตามแบบหรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 296/2482 ฉะนั้นการชำระเงินไถ่ถอนการขายฝากโดยไม่มีเอกสารใบรับเงินต่อกันในคดีนี้ จึงเป็นเรื่องที่คู่ความนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้สมข้อต่อสู้ของจำเลย การไถ่ถอนการขายฝากก็ย่อมผูกพันโจทก์ด้วย เพราะจำเลยมีข้อต่อสู้ในคำให้การแล้วว่าโจทก์มีชื่อเป็นผู้รับซื้อฝากแทนพระภิกษุรอดบิดา ผู้ออกเงินรับซื้อฝากเท่านั้น

จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานของคู่ความต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ ฯลฯ

Share