แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เมื่อประเด็นของคดีที่โจทก์ถูกฟ้องฐานกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษอยู่ที่โจทก์ครอบครองเฮโรอีนโดยมิได้รับอนุญาตจริงหรือไม่คำเบิกความของจำเลยผู้จับกุมโจทก์ที่ว่า ไม่เคยรู้จักกับโจทก์ หรือมีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์และที่ว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยจับกุมคุมขังโจทก์ในข้อหามีกัญชา จึงหาเป็นข้อสำคัญในคดีดังกล่าวไม่
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งว่าคดีมีมูลตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 83 ให้ประทับฟ้อง ส่วนข้อหาฐานเบิกความเท็จตาม มาตรา 177 เห็นว่าคำเบิกความของจำเลยตามที่โจทก์นำสืบ ไม่เป็นข้อสำคัญในคดี คดีไม่มีมูล ให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คงมีปัญหาเฉพาะข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ฐานเบิกความเท็จว่า คดีมีมูลหรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่าคำเบิกความของจำเลยในคดีก่อนที่ว่า “จำเลยไม่เคยรู้จักกับโจทก์ หรือเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์มาก่อน” และคำเบิกความที่ว่า “จำเลยทั้งสองไม่เคยจับกุม คุมขังโจทก์ในข้อหามีกัญชา” เป็นข้อสำคัญในคดีที่ศาลอาญาลงโทษในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองตามคดีหมายเลขดำที่ 12978/2522 คดีหมายเลขแดงที่ 24267/2522 เห็นว่าข้อหาที่โจทก์ถูกพนักงานอัยการฟ้องฐานกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ประเด็นอยู่ที่จำเลยครอบครองเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษโดยมิได้รับอนุญาตจริงหรือไม่ คำเบิกความของจำเลยที่ว่า “จำเลยไม่เคยรู้จักกับโจทก์หรือมีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์”และที่ว่า “จำเลยทั้งสองไม่เคยจับกุม คุมขังโจทก์ในข้อหามีกัญชา” เป็นเพียงข้อความให้ศาลทราบว่าโจทก์จำเลยเคยรู้จักกันหรือไม่ จำเลยเคยจับกุม คุมขังโจทก์ในข้อหามีกัญชาหรือไม่ เพื่อประกอบเป็นเหตุผลควรเชื่อคำเบิกความของพยานหรือไม่ หาเป็นข้อสำคัญในเรื่องโจทก์ต้องหาว่าครอบครองเฮโรอีนโดยไม่รับอนุญาตไม่”
พิพากษายืน