คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เป็นสามีภรรยากันก่อนใช้ ป.ม.แพ่งฯ ระหว่างอยู่กินด้วยกันได้ที่ดินเป็นสินสมรสขึ้น แม้ในโฉนดจะมีชื่อทั้ง 2 คนร่วมกันถือกรรมสิทธิ์ มิได้แสดงว่าเป็นส่วนของใครเท่าใดตาม ก.ม.ลักษณะผัวเมียฉะบับเก่า คือ ชายได้ 2 สวน หญิงได้ 1 ส่วน เพราะความในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งป.ม.แพ่งฯบัญญัติว่า การสมรสซึ่งได้มีอยู่ก่อนวันใช้ ป.ม.กฎหมายบรรพนี้ แลัทั้งสัมพันธ์ในครอบครัวเกิดแต่การสสรสานั้น ๆ บทบัญญัติแห่งบรรพนี้ ไม่กระทบกระเทือนถึง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกนายทุ่ง นางมาซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดมีชื่อคนดังทั้ง ๒ กับเรือน ๑ หลังปลูกอยู่ในที่ดินรายนี้โดยขอให้แบ่งเป็นสินสมรสก่อน คือ เป็นของนายทุ่ง ๒ ส่วน นางมา ๑ ส่วน
จำเลยต่อสู้ว่า ต้องแบ่งคนละครึ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งเป็นสมรส นายทุ่ง ๒ ส่วน นางมา ๑ ส่วน และศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนในข้อนี้
จำเลยฎีกา ศาลสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อที่ผัวเมียมีชื่อในโฉนดร่วมกันจะต้องแบ่งส่วนคนละครึ่ง
ศาลฎีกาเห็นว่า นายทุ่ง นางมาเป็นสามีภรรบยากันก่อนใช้ ป.ม.แพ่งฯ ได้ที่ดินมาในระหว่างอยู่กินด้วยกันจึงเป็นสมรส แม้ในโฉนดจะมีชื่อ ๒ คนร่วมกันถือกรรมสิทธิมิได้แสดงว่าเป็นส่วนของใครเท่าใด ตาม ก.ม.ก็ต้องแบ่งตามส่วนของ ก.ม.ลักษณะผัวเมียฉะบับเก่า คือชายได้ ๒ ส่วน หญิงได้ ๑ ส่วน เพราะความในมาตรา ๔ แห่งพ.ร.บ.ให้ใช้บลทบัญญัติบรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งฯ บัญญัติว่า การสมรส ซึ่งได้มีอยู่ก่อนใช้ประมวลกฎหมายบรรพนี้ และทั้งสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดแก่การสมรสนั้นๆ บทบัญญัติแห่งบรรพนี้ไม่กระทบกระเทือนถึง ฎีกาจำเลยจึงตกไป
พิพากษายืน

Share