คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การ ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า การขาดนัดของจำเลยเป็นไปโดยจงใจ ไม่มีเหตุควรอนุญาตให้ยื่นคำให้การ ให้ยกคำร้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้ไม่ใช่คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 แต่เป็นคำสั่งตามมาตรา 199 ซึ่งเป็นคำสั่งโดยปกติในระหว่างพิจารณาของศาลก่อนที่จะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งในระหว่างพิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและบ้านเรือนของโจทก์ ให้ส่งคืนกระบือที่เช่า และชำระค่าเช่าที่ค้าง

จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การให้นัดสืบพยานโจทก์

ก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ขออนุญาตยื่นคำให้การซึ่งยื่นมาพร้อมคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วฟังว่า การขาดนัดของจำเลยเป็นไปโดยจงใจ ไม่มีเหตุควรอนุญาตให้ยื่นคำให้การ ให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในระหว่างพิจารณา พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย

จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีแห่งคดีนี้เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 ว่าจะอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การหรือไม่ โดยยังมิได้ตรวจดูคำให้การของจำเลยว่าจะเรียบร้อยหรือขาดตกบกพร่องประการใด คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้จึงไม่ใช่คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จะยกมาตรา 228(3) มาปรับแก่คดีไม่ได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การตามมาตรา 199 นั้น ย่อมเป็นคำสั่งโดยปกติในระหว่างการพิจารณาของศาลก่อนที่จะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี อันไม่เข้ากรณีที่ระบุเป็นข้อยกเว้นไว้ตามมาตรา 227และ 228 จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณา ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว พิพากษายืน

Share