แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนและให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและคำร้องขัดทรัพย์ผู้ร้องอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์เรื่องขอดำเนินคดีอนาถาภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงไม่รับวินิจฉัยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งใหม่ในเรื่องคำร้องขัดทรัพย์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ว่าหากผู้ร้องประสงค์ดำเนินคดีเรื่องร้องขัดทรัพย์ให้นำค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลภายใน 15 วันหลังจากสิ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วันอีกศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลกำหนดและกรณีไม่ใช่เหตุสุดวิสัยไม่อนุญาตผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ผู้ร้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 7 วันนับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ มิฉะนั้นให้จำหน่ายคดีดังนี้เมื่อผู้ร้องมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายในเวลาที่ศาลอุทธรณ์กำหนดในครั้งหลังนี้ คดีของผู้ร้องจึงไม่มีอยู่ในศาลอันจะพึงดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ต่อไปผู้ร้องจะมาขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ตนนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลอีกหาได้ไม่
ย่อยาว
กรณีเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ขอบังคับคดียึดทรัพย์จำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดและร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนและให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองฉบับ ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ให้ยกคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเกิน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจึงไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องขัดทรัพย์โดยไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามขั้นตอนของกฎหมายนั้นไม่ชอบ เพราะผู้ร้องมีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีร้องขัดทรัพย์เหมือนคดีธรรมดาพิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งใหม่
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว มีคำสั่งว่า คำร้องขัดทรัพย์นั้นหากผู้ร้องมีความประสงค์จะให้ศาลดำเนินคดีพิจารณาต่อไป ให้นำค่าธรรมเนียมมาเสียต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องหาเงินค่าธรรมเนียมมาชำระไม่ทันเพราะเงินจำนวนมาก ขอให้ศาลอนุญาตให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วัน ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเข้ามาเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลกำหนดให้และกรณีไม่ใช่เหตุสุดวิสัย จึงไม่อนุญาตให้ยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นโดยกำหนดเวลาว่า ถ้าผู้ร้องประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาเสียภายใน 7 วันนับแต่วันฟังคำพิพากษานี้ มิฉะนั้นให้จำหน่าคดีของผู้ร้องผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทนายผู้ร้องได้ทราบวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบแล้ว แต่ไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามนัด ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจงดการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และจดแจ้งไว้ในรายงานได้ กรณีเช่นนี้ย่อมถือว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้นได้อ่านตามกฎหมายแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 140(3) วรรคสอง ส่วนที่ผู้ร้องขออนุญาตนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลฎีกานั้น เห็นว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษากำหนดให้ผู้ร้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 7 วันนับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มิฉะนั้นให้จำหน่ายคดีของผู้ร้อง ปรากฏว่าผู้ร้องมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายในเวลาที่ศาลอุทธรณ์กำหนด จึงต้องถือว่าคดีของผู้ร้องได้ถูกจำหน่ายไปแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีของผู้ร้องไม่มีอยู่ในศาลอันศาลจะพึงดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ต่อไปอีก ผู้ร้องจึงขอให้ศาลอนุญาตให้ผู้ร้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลต่อไปอีกไม่ได้
พิพากษายืน