แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้โจทก์เพื่อชำระราคาเรือตามสัญญาจะซื้อขาย โดยโจทก์ส่งมอบเรือที่จะซื้อขายให้จำเลยไปก่อน และจำเลยสั่งจ่ายเช็คลงวันที่ล่วงหน้าให้โจทก์ไว้เป็นการชำระราคาเรือ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์ไปยึดเรือกลับคืนมาโดยพลการไม่ใช้สิทธิตามสัญญา จำเลยก็มิได้เรียกร้องเอาเรือคืน เท่ากับสองฝ่ายเจตนาเลิกสัญญาจะซื้อขายเรือกันโดยปริยายไม่มีหนี้ผูกพันตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องเรียกเป็นราคาเรือตามสัญญาและซื้อขายกันต่อไปอีก ข้อที่โจทก์อ้างว่าต้องเสียหายมากจากการที่จำเลยครอบครองให้เรืออยู่เป็นเวลานานโดยไม่ชำระราคาเรือเป็นเรื่องนอกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ สั่งจ่ายเช็คลงวันที่ล่วงหน้าชำระราคาที่ตกลงจะซื้อจากโจทก์จำนวน ๕ ฉบับ สั่งจ่ายเงินฉบับละ ๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คดังกล่าวทุกฉบับ ครั้นเช็คถึงกำหนดเวลาใช้เงินโจทก์นำเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน ปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คให้โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็คจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อไป ของต้นเงินตามเช็คแต่ละฉบับนับแต่วันที่สั่งจ่ายคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๕,๐๐๐ บาท กับให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันจากต้น ๑๐๕,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โจทก์ ให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ ให้การและเพิ่มเติมคำให้การว่า จำเลยที่ ๒ ตกลงซื้อเรือจับปลาจากโจทก์ราคา ๕๓๐,๐๐๐ บาท มอบเช็คซึ่งจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ ๒ เป็นผู้สลักหลังให้โจทก์ไว้ ๒๙ ฉบับ เช็ค ๑๐ ฉบับแรกสั่งจ่ายฉบับละ ๑๕,๐๐๐ บาท นอกนั้นฉบับละ ๒๐,๐๐๐ บาท เรือที่ตกลงซื้อขายระวางบรรทุกเกินกว่า ๔๐ ตัน โจทก์มอบเรือให้จำเลยที่ ๒ ทันที แต่มิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญาซื้อขายจึงเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ ๒ รับผิดตามเช็ค โจทก์ได้ยึดเรือคืนไป ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๑๙ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องใช้เงินให้โจทก์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าสัญญาจะซื้อจะขายเรือสมบูรณ์ จำเลยต้องรับผิดตามเช็ค พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสัญญาเลิกกันแล้ว พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่าสัญญาจะซื้อขายเรือยังไม่เลิก จำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าสัญญาเลิกกันแล้ว จำเลยต้องรับผิดตามเช็ค
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้วาจำเลยที่ ๒ ทำสัญญาจะซื้อเรือจากโจทก์ ๑ ลำ แบ่งชำระราคาเป็นงวด ตกลงกันว่าเมื่อชำระราคาครบจะโอนทะเบียนเรือให้ โดยจำเลยที่ ๑ ลงวันที่ล่วงหน้าตามกำหนดเวลาที่ต้องชำระราคาให้โจทก์ไว้ ๒๙ ฉบับ และจำเลยที่ ๒ ลงชื่อสลักหลักเช็คทุกฉบับ รวมทั้งเช็ค ๕ ฉบับ ตามฟ้องด้วย โจทก์ส่งมอบเรือที่ตกลงซื้อขายให้จำเลยรับไปตั้งแต่วันทำสัญญาเช็คบางฉบับที่จำเลยออกเพื่อชำระราคาโจทก์ได้รับเงินไปแล้ว ต่อมาเช็คมีหลายฉบับที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ซึ่งข้อตกลงในสัญญามีว่าหากโจทก์ไม่ได้มีรับเงินตามเช็คแม้แต่ฉบับใด จำเลยที่ ๒ ยอมรับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์อีกโสดหนึ่ง เป็นจำนวนเงินสามเท่าของจำนวนเงินที่สั่งจ่ายตามเช็คแต่ละฉบับ ปรากฏว่าเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คของจำเลย โจทก์กระทำด้วยวิธียึดเรือคืน ไปจากจำเลยตั้งแต่วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๑๙ โจทก์นำเช็คตามฟ้องฉบับไปรับเงินจากธนาคารก่อนยึดเรือมา ส่วนอีก ๔ ฉบับ โจทก์ขอรับเงินจากธนาคารภายหลังยึดเรือคืนแล้ว ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวทุกฉบับ โจทก์ฟ้องคดีนี้เรียกราคาเรือที่ค้างชำระตามเช็คดังกล่าว จำเลยที่ ๒ ให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์ยึดเรือกลับคืนไป จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องใช้เงินให้โจทก์ ปัญหาที่ว่าโจทก์จะเรียกเงินตามเช็คเป็นราคาเรือได้หรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับข้อวินิจฉัยที่ว่าสัญญาจะซื้อขายเรือระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๒ ยังมีผลบังคับอยู่หรือสัญญานี้เลิกกันแล้ว พฤติการณ์ที่โจทก์ส่งมอบเรือที่ตกลงจะซื้อขายให้จำเลยไปก่อน ต่อมาไปยึดเรือกลับคืนโดยพลการไม่ใช้สิทธิตามสัญญา แสดงเจตนาของโจทก์ว่าไม่ต้องการจะบังคบตามสัญญาต่อไป ส่วนจำเลยก็ปฏิเสธว่าไม่มีหน้าที่ชำระราคาเรือให้โจทก์ตามสัญญา และมิได้ฟ้องเรียกเอาเรือคืน เท่ากับทั้งสองฝ่ายเจตนาเลิกสัญญาจะซื้อขายโดยปริยาย จึงไม่มีหนี้ผูกพันตามเช็คที่โจทก์มาฟ้องเรียกเป็นราคาเรือตามสัญญาจะซื้อขายกันต่อไปอีก ตามที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ต้องเสียหายมากจากการที่จำเลยครอบครอบใช้เรืออยู่เวลานาน โดยไม่ชำระราคาเรือให้นั้นเป็นเรื่องนอกฟ้อง
พิพากษายืน หากโจทก์เสียหายไม่ตัดสิทธิโจทก์ในการที่จะฟ้องเรียกร้องต่อไปภายในอายุความ.
ิ