คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2509/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามหนังสือมอบอำนาจ โจทก์มอบอำนาจให้ ส. หรือ บ. เป็นผู้รับมอบอำนาจในการดำเนินคดี แก้ต่างคดีของโจทก์ ฟ้องแย้งร้องสอดเข้าเป็นคู่ความร่วมทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา คดีแรงงานคดีภาษีอากร คดีล้มละลาย… โดยให้ผู้รับมอบอำนาจคนใดคนหนึ่งมีอำนาจกระทำการดังกล่าวแทนโจทก์ในนามโจทก์ได้ ดังนี้ การมอบอำนาจดังกล่าวของโจทก์เป็นการมอบอำนาจให้กระทำการมากกว่าครั้งเดียวโดยให้ต่างคนต่างกระทำกิจการแยกกันได้ ค่าอากรแสตมป์จึงต้องคิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบอำนาจคนละ 30 บาท ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ข้อ 7(ค) ท้ายประมวลรัษฎากรฯ เมื่อโจทก์ได้มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจ 2 คน คนใดคนหนึ่งทำการฟ้องคดีแพ่งและกระทำการอื่น ๆ แทนโจทก์ได้ โจทก์จึงต้องปิดอากรแสตมป์คิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบอำนาจคนละ 30 บาท รวม 60 บาท แต่โจทก์ปิดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจนั้นจำนวนเพียง 30 บาท จึงเป็นการปิดอากรแสตมป์ในเอกสารดังกล่าวไม่ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อจำเลยได้ให้การต่อสู้ในประเด็นนี้ไว้อย่างชัดแจ้งแล้วว่าหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ปิดอากรแสตมป์ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย หนังสือมอบอำนาจพิพาทจึงเป็นตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์ให้บริบูรณ์ในขณะที่โจทก์อ้างเป็นพยานหลักฐานหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ได้ตามประมวลรัษฎากรฯ มาตรา 118 เมื่อหนังสือมอบอำนาจไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ได้ กรณีย่อมฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ส. จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน9,280,483.89 บาท และชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 20.75 ต่อปีในเงินต้น6,228,959.31 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้หรือชำระไม่ครบถ้วน ขอให้ยึดที่ดินทุกแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยดังกล่าวจำนองเป็นประกันไว้แก่โจทก์ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ ถ้าขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้ขอให้อายัดหรือยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน

จำเลยทั้งสามให้การ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 9,280,483.89 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 20.75 ต่อปี ในต้นเงิน 6,228,959.31 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง(ยื่นฟ้องวันที่ 29 มกราคม 2542) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 36322 และเลขที่ 36323 ตำบลคลองตัน (ที่ 11 พระโขนงฝั่งเหนือ)อำเภอคลองเตย (พระโขนง) กรุงเทพมหานคร กับที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 1519, เลขที่ 25912, เลขที่ 25913, เลขที่ 25914,เลขที่ 25915 เลขที่ 25916 และเลขที่ 25917 ตำบลคลองมะเดื่อ(คลองกระทุ่มแบน) อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ ถ้าได้เงินไม่พอชำระให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว กรณีเห็นสมควรหยิบยกอุทธรณ์ข้อ 4 ของจำเลยทั้งสามขึ้นวินิจฉัยก่อนว่าหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์เอกสารหมาย จ.2 ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนหรือไม่ในข้อนี้ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นว่า สำหรับใบมอบอำนาจนั้น บัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายหมวด 6 ของประมวลรัษฎากรกำหนดในข้อ 7 ว่า กรณี (ข) มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนร่วมกันกระทำการมากกว่าครั้งเดียว ต้องเสียค่าอากรแสตมป์ 30 บาทและกรณี (ค) มอบอำนาจให้กระทำการมากกว่าครั้งเดียวโดยให้บุคคลหลายคนต่างคนต่างกระทำกิจการแยกกันได้ คิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบคนละ 30 บาท สำหรับกรณีของโจทก์ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2 ว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายสายันต์อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายหรือนายบัณฑิต โชติช่วง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายของธนาคารโจทก์เป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ในการดำเนินคดี แก้ต่างคดีของโจทก์ ฟ้องแย้ง ร้องสอดเข้าเป็นคู่ความร่วมทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา คดีแรงงาน คดีภาษีอากร คดีล้มละลาย ในศาลทั่วราชอาณาจักร ต่อบุคคล นิติบุคคล กลุ่มคณะบุคคลใด ๆ ที่ได้โต้แย้งสิทธิและหน้าที่ต่อโจทก์ และกระทำการอื่นตามที่ระบุไว้ในข้อ 2 ถึง 8 โดยให้ผู้รับมอบอำนาจคนใดคนหนึ่งมีอำนาจกระทำการดังกล่าวแทนโจทก์ในนามโจทก์ได้ ดังนี้ การมอบอำนาจดังกล่าวของโจทก์เป็นการมอบอำนาจให้กระทำการมากกว่าครั้งเดียว โดยให้ต่างคนต่างกระทำกิจการแยกกันได้ค่าอากรแสตมป์จึงต้องคิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบอำนาจคนละ 30 บาทตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ข้อ 7(ค) ท้ายประมวลรัษฎากร เมื่อตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2 โจทก์ได้มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจ 2 คนคนใดคนหนึ่งทำการฟ้องคดีแพ่งและกระทำการอื่น ๆ แทนโจทก์ได้ โจทก์จึงต้องปิดอากรแสตมป์คิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบอำนาจคนละ 30 บาทรวม 60 บาท แต่โจทก์ปิดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจนั้นจำนวนเพียง30 บาท จึงเป็นการปิดอากรแสตมป์ในเอกสารดังกล่าวไม่ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อจำเลยทั้งสามได้ให้การต่อสู้ในประเด็นนี้ไว้อย่างชัดแจ้งแล้วว่าหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ปิดอากรแสตมป์ไม่ถูกต้อง และไม่ชอบด้วยกฎหมาย หนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.2 จึงเป็นตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์ให้บริบูรณ์ในขณะที่โจทก์อ้างเป็นพยานหลักฐานหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 118 เมื่อหนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมายจ.2 ไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ได้ กรณีย่อมฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายสายัณห์ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้ นายสายัณห์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อได้วินิจฉัยดังนี้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยทั้งสามต่อไปที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยทั้งสามฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share