คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เพียงแต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานขึ้นมาย่อ ๆ ว่า ทางสอบสวนยังไม่ปรากฎว่าลูกหนี้ประพฤติผิดกฎหมายล้มละลายอันจะมีโทษทางอาญาแต่ประการใดนั้น ยังไม่พอที่ศาลจะรับฟังเป็นแน่นอนเช่นนั้นได้ ในเมื่อมีพฤติการณ์ต่าง ๆ ของลูกหนี้ที่ยังมิได้สอบสวนหรือซักถามให้ปรากฎชัด
ลูกหนี้เป็นผู้ทำการค้าขายใหญ่โตถึงขนาด มีทรัพย์สินอยู่นอกประเทศทั้งในอเมริกาและฮ่องกง มีเจ้าหนี้เป็นจำนวน 10 ล้านกว่าบาท แต่มีเงินเหลือเพียง 2 พันบาทเศษเท่านั้น ทรัพย์สินอื่นก็ติดภาระจำนองหมด และลูกหนี้ไม่อจแสดงให้พอใจศาลว่าตนมีเหตุที่ควรเชื่อได้ว่าตนสามารถขำระหนี้ได้ โดยก่อนหนี้ขึ้นอีกมากมายหลังจากทำยอมใช้หนี้ให้โจทก์แล้ว ทั้งไม่มีบัญชีในการประกอบธุรกิจการงานเหลืออยู่เลย ดังนี้จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามมาตรา 74 ว่าลูกหนี้ขืนกระทำการค้าขายต่อไปอีก โดยรู้แล้วว่าไม่สามารถจะชำระหนี้ได้
พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 54 วรรคท้ายให้อำนาจศาลที่จะสั่งเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร แม้ที่ประชุมเจ้าหนี้จะลงมติพิเศษยอมรับคำขอประนอมหนี้โดยเปิดเผยและรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถึงเหตุที่ยังไม่สมควรศาลก็ยกคำขอประนอมหนี้นั้นเสียได้ แม้เจ้าหนี้ผู้คัดค้านจะมิได้นำพยานมาสืบก็ตาม
การที่ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สิเหลือพอจะแบ่งให้เจ้าหนี้และขืนทำการค้าขายต่อไปอีกโดยรู้ว่าไม่-สามารถจะชำระหนี้ได้ กับประพฤติตนเล่นการพนัน เหตุทั้ง 3 ประการนี้นับว่ายังไม่สมควรจะได้รับความเห็นชอบให้ลูกหนี้ประนอมหนี้เพียงร้อยละห้าได้.

ย่อยาว

คดีเรื่องนี้ เดิมศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของนายสำเพา สิริสัมพันธ์ ลูกหนี้(จำเลย) ไว้เด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๐๓ ลูกหนี้ยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายและที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติพิเศษยอมรับคำขอประนอมหนี้ของลูกหนี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงรายงานขอให้ศาลพิจารณาคำขอประนอมหนี้นั้นต่อไป
เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์คัดค้านขอให้ศาลสั่งไม่เห็นชอบด้วยการประนอมหนี้
ศาลแพ่งพิจารณาแล้วมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ และให้ยกคำคัดค้านของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์
เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์กับบริษัทเดินอากาศไทย จำกัด เจ้าหนี้อีกผู้หนึ่งอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ลูกหนี้ (จำเลย) มีทรัพย์สินที่อาจแบ่งให้เจ้าหนี้ได้ ไม่ถึงห้าสิบในร้อยของหนี้ที่ไมม่มีประกัน และไม่ได้เก็บรักษาบัญชีให้เห็นฐานะการเงินในระหว่าง ๓ ปีก่อนถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ กับจำเลยขืนทำการค้าต่อไปโดยรู้ว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงพิพากษากลับโดยไม่เห็นชอบด้วยการขอประนอมหนี้ของจำเลย ให้ยกคำขอประนอมหนี้เสีย
ลูกหนี้(จำเลย) ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้หรือไม่ แม้เจ้าหนี้ผู้คัดค้านจะมิได้นำพยานมาสืบ ศาลย่อมพิจารณาได้จากผลของการไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผยและจากรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา ๕๑,๕๒
พระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา ๕๔ วรรคท้าย ให้อำนาจศาลที่จะสั่งเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ก็ได้ตามแต่จะเห็นสมควร แม้ที่ประชุมเจ้าหนี้จะลงมติพิเศษยอมรับคำขอประนอมหนี้ของลูกหนี้แล้วก็ตาม
ลูกหนี้ประกอบกิจการส่วนตัวทำท่าเรือชื่อบริษัทเจ้าพระยา แม้จะเป็นเวลาเกือบ ๑๐ ปีแล้วเลิกล้มมาก็ดี แต่ต่อ ๆ มาก็ได้กระทำกิจการอย่างอื่น ๆ อีก เช่น สวนส้ม สวนเงาะ และฟาร์มเลี้ยงไก่ กิจการเหล่านี้ไม่ใช่งานอดิเรกเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เป็นงานลงทุนนับล้านบาท ลูกหนี้อ้างว่าประกอบกิจการขาดทุนเป็ฯจำนวนประมาณถึง ๙ ล้านบาท แต่ไม่มีบัญชีสำหรับกิจการเหล่านี้เหลืออยู่เลยแม้แต่เล่มเดียว ในลักษณะเช่นนี้ไม่มีอะไรเป็นหลักในการที่จะเชื่อถือว่าลูกหนี้ได้กระทำกิจการและขาดทุนไปจริงโดยสุจริต
ลูกหนี้ถูกฟ้องคดีแพ่งสามัญและยอมความ ทุนทรัพย์ ๓ แสนกว่าบาท เมื่อพ.ศ. ๒๕๐๐ นี้เอง แต่ลูกหนี้ได้ก่อหนี้ขึ้นอีกเป็นเงินถึง ๗-๘ ล้านบาท โดยไม่ปรากฎว่ากระทำการอะไร ขาดทุนสูญหายไปอย่างไร และเหตุใดจึงไม่มีบัญชี ทั้งนี้ ไม่มีปรากฎในการไต่สวนเปิดเผยหรือรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เพียงแต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานขึ้นมาย่อ ๆ ว่า ทางสอบสวนยังไม่ปรากฎว่าลูกหนี้ประพฤติผิดกฎหมายล้อละลายอันจะมีโทษทางอาญาแต่ประการใดนั้น ยังไม่พอที่ศาลจะรับฟังเป็นแน่นอนเช่นนั้นได้ ในเมื่อมีพฤติการณ์ต่าง ๆ ของลูกหนี้ที่ยังมิได้สอบสวนหรือซักถามให้ปรากฎชัด
รายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ระบุว่าลูกหนี้ประกอบการค้า สั่งสินค้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยอาศัยบริษัทซึ่งลูกหนี้เป็นกรรมการผู้จัดการเป็นสื่อกลาง อันแสดงว่าลูกหนี้ประกอบการค้าอยู่ตลอดเวลา หากแต่อาศัยชื่อบริษัทเป็นที่ออกหน้า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงแสดงว่าลูกหนี้เป็นผู้ทำการค้าขายใหญ่โตถึงขนาดมีทรัพย์สินอยู่นอกประเทศทั้งในอเมริกาและฮ่องกง มีเจ้าหนี้เป็นจำนวน ๑๐ ล้านกว่าบาท แต่มีเงินเหลือเพียง ๒ พันบาทเศษเท่านั้น ทรัพย์สินอื่นก็ติดภาระจำนองหมด และลูกหนี้ไม่อาจแสดงให้พอใจศาลว่าตนมีเหตุที่ควรเชื่อได้ว่าตนสามารถชำระหรี้ได้โดยก่อหนี้ขึ้นอีกมากมายหลังจากทำยอมใช้หนี้ให้โจทก์แล้ว ทั้งไม่มีบัญชีในการประกอบธุระกิจการงานเหลืออยู่เลยดังนี้ จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามมาตรา ๗๔ ว่า ลูกหนี้ขืนกระทำการค้าขายต่อไปอีกโดยรู้แล้วว่าไม่สามารถจะชำระหนี้ได้
เมื่อปรากฎเหตุถึง ๓ ประการ กล่าวคือ ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์เหลือพอจะแบ่งให้เจ้าหนี้ และขืนทำการค้าขายต่อไปอีกโดยรู้—ว่าไม่สามารถจะชำระหนี้ได้ กับประพฤติตนเล่นการพนัน จึงนับว่ามีเหตุที่ยังไม่สมควรจะได้รับความเห็นชอบให้ลูกหนี้ประนอมหนี้ใช้หนี้แก่เจ้าหนี้เพียงร้อยละห้าแล้วหลุดพันจากหนี้สินไปโดยสิ้นเชิง
ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย ให้หักค่าธรรมเนียมค่าทนายรายละหนึ่งร้อยบาทแก่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์และผู้คัดค้านจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้.

Share