คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อการให้มิได้มีข้อความจดทะเบียนระบุไว้ว่าให้เป็นสินส่วนตัวของคู่สมรสฝ่ายที่รับให้การให้นั้นก็ต้องถือว่าเป็นการให้ตามธรรมดาทรัพย์สินที่ให้กันจึงเป็นสินสมรสอันเป็นสินบริคณห์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1462
ภรรยานำที่ดินพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างที่ตนได้รับให้ไปทำนิติกรรมจดทะเบียนโอนขายให้แก่ผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากสามีการโอนขายนั้นย่อมเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 38สามีจะบอกล้างเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 137 วรรค 2 แต่ต้องบอกล้างเสียภายใน 1 ปี นับแต่เวลาที่อาจจะให้สัตยาบันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 143

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 โจทก์ได้โอนที่ดินสองแปลงให้จำเลยที่ 1 ในระหว่างสมรส ต่อมาจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้สมยอมกันแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานให้โอนขายที่ดินทั้งสองแปลงนั้นให้แก่จำเลยที่ 2 โดยโจทก์ผู้เป็นสามีมิได้ยินยอม ที่ดินทั้งสองแปลงนั้นเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 การโอนขายระหว่างจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นโมฆะ โจทก์ได้บอกล้างไปยังจำเลยที่ 2 และให้จำเลยที่ 2 โอนที่ดินคืนให้แก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 2 ก็เพิกเฉยเสีย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ 2 โอนที่ดินกลับไปให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามเดิม

จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ได้โอนที่ดินทั้งสองแปลงให้แก่จำเลยที่ 1 เป็นสินส่วนตัว จำเลยที่ 1 มีอำนาจจัดการโดยลำพังตนเองโจทก์ได้รู้เห็นให้ความยินยอม และได้ทราบถึงการทำนิติกรรมขายที่ดินนับแต่วันโอนถึงวันบอกล้างเกินกว่า 1 ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า ได้รับโอนที่ทั้งสองแปลงมาโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและด้วยความเห็นชอบและยินยอมจากโจทก์แล้ว และที่ดินนี้เป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 1 คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยที่ 1 เป็นสินส่วนตัว จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจโอนขายให้จำเลยที่ 2 โดยมิต้องรับความยินยอมจากโจทก์การซื้อขายมิได้เกิดจากการสมยอม โจทก์ได้รู้เห็นในการขายนั้นและมาบอกล้างเมื่อพ้นปีหนึ่งคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยที่ 1 นั้น การจดทะเบียนโอนที่พิพาทมิได้มีข้อความระบุไว้ว่าให้เป็นสินส่วนตัวการให้นั้นก็ต้องถือเป็นการให้ตามธรรมดาเท่านั้น ทรัพย์สินดังกล่าวจึงเป็นสินสมรสอันเป็นสินบริคณห์ระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1462 ดังนัยฎีกาที่ 325/2498 การที่จำเลยที่ 1 เอาไปทำนิติกรรมจดทะเบียนโอนขายให้จำเลยที่ 2 โดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์ การโอนขายนั้นจึงเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 38 โจทก์ผู้เป็นสามีจะบอกล้างได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 137 วรรค 2 แต่โจทก์จะต้องบอกล้างเสียภายใน 1 ปี นับแต่เวลาที่อาจจะให้สัตยาบันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 143 โจทก์ได้รู้ถึงการโอนขายที่พิพาทมาถึง 3 ปีเศษแล้วมิได้บอกล้าง การซื้อขายระหว่างจำเลยทั้งสองจึงสมบูรณ์ผูกมัดสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 โจทก์จะฟ้อง ขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยทั้งสองหาได้ไม่

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share