คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ผู้ตรวจพิสูจน์จะตรวจพบรอยขูดลบเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายทะเบียนที่อาวุธปืนของกลาง แต่ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าเครื่องหมายทะเบียนเดิมเป็นเลขใด ประกอบกับได้ความในชั้นสอบสวนว่าจำเลยไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน จึงต้องรับฟังว่าอาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนมีเครื่องหมายทะเบียนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยมีอาวุธปืนของผู้อื่นดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนสั้นรีวอลเวอร์ ขนาด .32 ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนจำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนขนาดเดียวกัน จำนวน 6 นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และพาอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวขู่เข็ญนายสมจิตร์พรหมช่วย ผู้เสียหายกับพวก ทำให้ผู้เสียหายกับพวกเกิดความตกใจกลัว อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลถ้ำใหญ่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมอาวุธปืนและกระสุนปืนกับซองพกหนัง 1 ซอง เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 91, 392 ริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญจำคุก 10 วัน ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี6 เดือน 10 วัน ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 โดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งเป็นอย่างอื่นว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องโจทก์ จำเลยได้ร่วมกับพวกทำร้ายร่างกายนายสมจิตร์ พรหมช่วยผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย หลังจากนั้นจำเลยชักอาวุธปืนออกมาขู่ผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายตกใจกลัว เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมยึดอาวุธปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง พนักงานสอบสวนส่งอาวุธปืนของกลางไปตรวจพิสูจน์ที่กองกำกับการวิทยาการเขต 11 พันตำรวจโทพล วิทยานนท์ผู้ตรวจพิสูจน์มีความเห็นว่า ตรวจพบรอยขูดลบเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายทะเบียนและเลขหมายประจำปืนที่อาวุธปืนของกลางแต่ไม่อาจยืนยันได้ว่าเครื่องหมายทะเบียนและเลขหมายประจำปืนเดิมเป็นเลขใด เนื่องจากถูกตอกทับด้วยเครื่องหมายทะเบียนและเลขหมายประจำปืนที่ทำขึ้นใหม่ คือ กท.663724 และ 8061?6 ตามลำดับ (? เป็นตำแหน่งของตัวเลขที่ทำไว้ไม่ชัดเจน) ตามรายงานการตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย จ.7มีปัญหาต้องวินิจฉัยเป็นประการแรกตามฎีกาของจำเลยว่า อาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนมีเครื่องหมายทะเบียนหรือไม่ เห็นว่า ผู้ตรวจพิสูจน์ตรวจพบรอยขูดลบเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายทะเบียนที่อาวุธปืนของกลาง แต่ไม่อาจยืนยันได้ว่าเครื่องหมายทะเบียนเดิมเป็นเลขใด และจากการสอบสวนปรากฏว่าจำเลยไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า อาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนมีเครื่องหมายทะเบียนของผู้อื่น ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย ดังนั้นที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า จำเลยได้ร่วมกับพวกทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายกับจำเลยเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ทั้งผู้เสียหายกับจำเลยก็ไม่เคยรู้จักกัน หลังจากนั้นจำเลยใช้อาวุธปืนของกลางขู่ผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายตกใจกลัวอีกด้วย อาวุธปืนดังกล่าวมีอานุภาพร้ายแรง สามารถใช้ทำอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นได้โดยง่าย การกระทำของจำเลยค่อนข้างอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและเป็นภัยต่อสุจริตชน ตามพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง ทั้งยังปรากฏด้วยว่า คดีที่จำเลยได้ร่วมกับพวกทำร้ายร่างกายผู้เสียหายนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย3 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน คดีถึงที่สุดแล้วตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 794/2541 ของศาลชั้นต้น ดังนั้นที่ศาลทั้งสองไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 72วรรคสาม ฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน เมื่อรวมกับโทษจำคุกในอีกสองฐานความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 เข้าด้วยแล้วให้จำคุกจำเลยไว้ 12 เดือน10 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8

Share