แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 130 เม็ด ไว้ในครอบครองแล้วจะสันนิษฐานว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหาชอบไม่ โจทก์จะต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยจนได้ความแน่ชัดปราศจากข้อสงสัย ศาลจึงจะรับฟังลงโทษจำเลยได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 174
แม้การตรวจค้นจับกุมอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จะไปว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก หามีผลทำให้การสอบสวนที่ชอบเป็นไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วยไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๑๕, ๖๖, ๑๐๒ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคหนึ่ง จำคุก ๑๒ ปี ริบของกลาง คืนเงินสดแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด ๗ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปคือเมทแอมเฟตามีนของกลางดังกล่าวจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่นั้น เห็นว่า ตามทางนำสืบของโจทก์ได้ความเพียงว่าก่อนไปทำการจับกุมจำเลยประมาณ ๑ สัปดาห์ได้สืบสวนหาข่าวจนได้ความแน่ชัดว่าเจ้าของกระท่อมที่เกิดเหตุมั่วสุมและลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่วัยรุ่น ในวันเกิดเหตุเมื่อพยานโจทก์กับพวกไปถึงกระท่อมได้เดินไปบริเวณด้านข้างกระท่อมได้พบวัยรุ่น ๒ คน ถึง ๓ คน วิ่งสวนออกมาจากกระท่อมและเมื่อมองเข้าไปในกระท่อมพบจำเลยซึ่งอยู่ในกระท่อมเพียงลำพังกำลังซุกซ่อนสิ่งของไว้ที่หัวเตียงจึงเข้าตรวจค้นก็พบเมทแอมเฟตามีนของกลาง เท่านั้น โดยโจทก์ไม่มีพยานนำสืบให้ชัดแจ้งว่า จำเลยมีพฤติการณ์ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนประการใดบ้าง ลำพังจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองจำนวน ๑๓๐ เม็ด แล้วจะสันนิษฐานเอาเองว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยนั้นหาชอบไม่ เพราะการฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดในข้อหาที่มีอัตราโทษสูงและจำเลยให้การปฏิเสธนั้น ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยจนได้ความแน่ชัดปราศจากข้อสงสัย ศาลจึงจะรับฟังลงโทษจำเลยได้ ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๔ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาคงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑๓๐ เม็ด ไว้ในครอบครองเท่านั้น แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องเกี่ยวกับฐานความผิด ก็เป็นเพียงรายละเอียดจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลย่อม มีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองตามที่พิจารณาได้ความซึ่งมีบทลงโทษเบากว่าได้
ที่จำเลยฎีกาโต้แย้งว่า ในการตรวจค้นคดีนี้เป็นการตรวจค้นบ้านพักของประชาชนโดยไม่มีหมายค้นอันเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบนั้น เห็นว่า แม้การตรวจค้นจับกุมอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก็เป็นเรื่องที่จะไปว่ากล่าวกันอีก ส่วนหนึ่งต่างหาก หามีผลทำให้การสอบสวนที่ชอบเป็นไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วยไม่ โจทก์บรรยายฟ้องว่ามีการสอบสวนแล้ว จำเลยมิได้ฎีกาว่าการสอบสวนไม่ชอบเพราะเหตุผลอื่น ๆ เพียงแต่อ้างว่าการตรวจค้นโดยไม่มีหมายค้นเป็นการไม่ชอบเท่านั้น จึงต้องถือว่าการสอบสวนในความผิดที่กล่าวหาตามฟ้องชอบแล้ว ข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง (เดิม), ๖๗ (ที่แก้ไขใหม่) จำคุก ๓ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗