แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ พ. ได้นำเงินค่าขายที่ดินมรดกบางส่วนไปฝากประจำไว้ที่ธนาคารในนามของ กองมรดกโดยไม่แบ่งให้โจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีก่อน โจทก์ทราบดีว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้ นำเงินค่าขายที่ดินมรดกอันเป็นส่วนแบ่งของโจทก์ไปฝากธนาคาร ตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะฟ้องจำเลยเป็นคดีก่อนโจทก์ชอบ ที่จะเรียกร้องให้จำเลยส่งมอบดอกเบี้ยของเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์เสียในคราวเดียวกันได้ แต่กลับมาฟ้องเรียกร้องเป็นคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นบุตรพระยาประดิพัทธภูบาลเจ้ามรดก จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้ขายที่ดินมรดกไปแล้วนำเงินมาแบ่งกันระหว่างทายาทโดยไม่แบ่งให้โจทก์ โจทก์จึงได้ฟ้องจำเลยให้แบ่งมรดกแก่โจทก์ คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี เงินค่าขายที่ดินเฉพาะส่วนแบ่งของโจทก์ จำเลยได้นำไปฝากประจำไว้ในนามของกองมรดกที่ธนาคารตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้องคดีก่อนนได้ดอกเบี้ยเป็นจำนวน ๑,๖๐๐,๐๐๐ บาทเศษ เงินดังกล่าวเป็นดอกผลที่เกิดจากเงินค่าขายที่ดินที่โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ต้องตกเป็นของโจทก์ จึงขอให้บังคับจำเลยส่งมอบแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้ฟ้องเรียกดอกเบี้ยมาในคดีก่อนด้วย โดยโจทก์ทราบดีอยู่แล้วในขณะฟ้องคดีดังกล่าวว่าสิทธิของโจทก์ในทรัพย์มรดกมีอยู่เพียงใดโจทก์มิได้ฟ้องเรียกในคราวเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำ และฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
วันนัดสืบพยานคู่ความต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ขอให้ศาลวินิจฉัยโดยถือเอาข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำฟ้องและคำให้การเป็นข้อแพ้ชนะกันเพียง ๒ ประเด็น คือ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ และคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำและคดีไม่ขาดอายุความพิพากษาให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์คดีนี้ปรากฏชัดว่า จำเลยทั้งสามในฐานะผู้จัดการมรดกพระยาประดิพัทธภูบาล ได้นำเงินค่าขายที่ดินมรดกส่วนที่เหลือจากแบ่งให้ทายาท ๑๑ คน จำนวน ๑,๖๔๙,๑๖๖ บาท ๔๖ สตางค์ไปฝากประจำไว้ณ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด สาขาอินทรา ในนามของกองมรดกพระยาประดิพัทธภูบาล มิใช่นำไปฝากในนามของโจทก์ทั้งสองหรือเพื่อโจทก์ทั้งสองประกอบกับจำเลยทั้งสามมีข้อโต้แย้งไม่ยอมแบ่งเงินรายนี้ให้แก่โจทก์ทั้งสองจนเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสามถูกโจทก์ทั้งสองฟ้องเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๘๕๗/๒๕๑๗ ของศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้ว กรณีจึงไม่อาจถือได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการกระทำแทนโจทก์ทั้งสองดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ เงินฝากตามบัญชีข้างต้นจึงเป็นของกองมรดกพระยาประดิพัทธภูบาล และโจทก์ทั้งสองทราบดีว่าจำเลยทั้งสามในฐานะผู้จัดการมรดกได้นำเงินค่าขายที่ดินอันเป็นส่วนแบ่งของโจทก์ทั้งสองไปฝากธนาคารตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๑๑ ก่อนโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๘๕๗/๒๕๑๗ ของศาลชั้นต้น ทั้งในการฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามในฐานะผู้จัดการมรดกจ่ายเงินค่าขายที่ดินมรดกอันเป็นส่วนแบ่งของโจทก์ทั้งสองตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๘๕๗/๒๕๑๗ ของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นคดีก่อนโจทก์ทั้งสองคงเรียกร้องขอให้จำเลยทั้งสามในฐานะส่วนตัวชดใช้ค่าเสียหายเท่ากับอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีให้แก่โจทก์ทั้งสอง โดยมิได้ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามในฐานะผู้จัดการมรดกชดใช้ค่าเสียหายเท่ากับอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินค่าขายที่ดินมรดกอันเป็นส่วนแบ่งของโจทก์ทั้งสองแต่อย่างใดทั้ง ๆ ชอบที่จะเรียกร้องเสียในคราวเดียวกันได้ เมื่อคดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสามในฐานะผู้จัดการมรดกจ่ายเงินค่าขายที่ดินมรดกอันเป็นส่วนแบ่งของโจทก์ทั้งสองให้แก่โจทก์ทั้งสอง แต่ให้ยกฟ้องสำหรับคำขอของโจทก์ทั้งสองที่ขอให้จำเลยทั้งสามในฐานะส่วนตัวชดใช้ค่าเสียหายเท่ากับอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินส่วนแบ่งค่าขายที่ดินมรดกรายนี้ การที่โจทก์ทั้งสองกลับมาฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามในฐานะผู้จัดการมรดกรับผิดส่งมอบดอกเบี้ยของเงินส่วนแบ่งค่าขายที่ดินมรดกข้างต้นเป็นคดีนี้อีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามมิให้รื้อร้องฟ้องกันอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์