คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2486/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่ยอมอยู่ร่วมกับโจทก์และไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ตามอัตภาพโดยที่จำเลยอยู่ในฐานะที่จะอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ได้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูได้โดยไม่ต้องฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/38

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยจำเลยมีฐานะดี มีรายได้แน่นอน โจทก์รับราชการมีรายได้น้อยไม่เพียงพอจำเลยมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ตามกฎหมาย แต่จำเลยไปติดพันและอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นแล้วงดจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์จำเลยมีฐานะและสามารถอุปการะเลี้ยงดูโจทก์เดือนละ 12,000 บาทได้ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์เดือนละ12,000 บาท นับแต่เดือนธันวาคม 2528 เป็นต้นไป
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์หลอกลวงให้จำเลยลงลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียนสมรส จำเลยไม่ได้ยินยอมเป็นสามีภริยากับโจทก์และไม่ได้แสดงการยินยอมนั้นให้ปรากฏโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียนขณะจดทะเบียนสมรสโจทก์ทราบดีว่าจำเลยมีคู่สมรสอยู่แล้ว การสมรสดังกล่าวเป็นโมฆะจำเลยจึงไม่มีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ โจทก์รับราชการมีรายได้พอเลี้ยงดูตนเองได้ ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาให้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยจดทะเบียนสมรสกับโจทก์โดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียน ไม่ได้เกิดจากการหลอกลวงของโจทก์โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลยโดยสุจริตไม่ทราบว่าจำเลยมีคู่สมรสอยู่ก่อนแล้ว ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์เดือนละ 2,000 บาท นับแต่เดือนธันวาคม 2528เป็นต้นไป ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้ฟ้องหย่าจำเลยโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากจำเลยนั้นเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 วรรคสองบัญญัติว่า “สามีภริยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะของตัว” และมาตรา 1598/38 บัญญัติว่า “ค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างสามีภริยา ย่อมเรียกจากกันได้ในเมื่อฝ่ายที่ควรได้รับอุปการะเลี้ยงดูไม่ได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือได้รับการอุปการะเลี้ยงดูไม่เพียงพอแก่อัตภาพ ค่าอุปการะเลี้ยงดูนี้ศาลอาจให้เพียงใดหรือไม่ให้ก็ได้ โดยคำนึงถึงความสามารถของผู้มีหน้าที่ต้องให้ฐานะของผู้รับและพฤติการณ์แห่งกรณี” ดังนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูจึงเป็นเงินซึ่งฝ่ายที่ควรได้รับอุปการะเลี้ยงดูเนื่องจากตนอยู่ในฐานะไม่อาจเลี้ยงดูตนเองได้ตามอัตภาพเรียกเอาจากสามีหรือภริยาของตนซึ่งเป็นฝ่ายที่มีความสามารถจะให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูแก่ตนตามหน้าที่ได้ ในเมื่อผู้มีหน้าที่ต้องให้ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูแก่ตนหรือให้แต่ไม่เพียงพอแก่อัตภาพ อันเป็นสิทธิเรียกร้องระหว่างที่ยังเป็นสามีภริยากันอยู่ หาใช่สิทธิอันเกิดจากการที่ได้ฟ้องหย่าไม่ ฉะนั้นแม้โจทก์จะไม่ได้ฟ้องหย่าจำเลย โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากจำเลยผู้มีหน้าที่ต้องให้ได้
พิพากษายืน

Share