แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์แซงขึ้นหน้ารถคันอื่นตรงบริเวณทางแยก ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็เป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือจากฟ้อง จะรับฟังลงโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และมาตรา 192วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์ไปตามถนนแห่งหนึ่งด้วยความเร็วสูง ระหว่างทางตรงบริเวณที่เกิดเหตุจำเลยแซงรถบรรทุกจนพ้นและแล่นอยู่ในทางของจำเลยแล้ว จำเลยเห็นนางแฉ่งขับขี่รถจักรยานสองล้ออยู่ข้างหน้าไปทางเดียวกับรถของจำเลยกำลังจะเลี้ยวขวาข้ามถนนตัดหน้าและขวางทางวิ่งของรถของจำเลยในระยะประมาณ 4 วา จำเลยให้สัญญาณแตรเตือนแล้วนางแฉ่งก็ยังเลี้ยวรถมาทางขวาตัดหน้าและขวางทางวิ่งของรถที่จำเลยขับในระยะกระชั้นชิด เป็นเหตุให้จำเลยหยุดรถหรือหลบหลีกไม่ทัน รถของจำเลยและนางแฉ่งจึงชนกัน ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส อันเป็นความประมาทร่วมกั ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ. ศ. 2477 มาตรา 29(4), 66 ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2508 มาตรา 7,13 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 59 ข้อ 11
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์แซงขึ้นหน้ารถคันอื่นเมื่อถึงทางแยก เป็นเหตุให้ชนกับรถจักรยานสองล้อของนางแฉ่ง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 29(4), 66 ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2508 มาตรา 7ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 59 ข้อ 11 ลงโทษตามมาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนัก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยอุทธรณ์ได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องเลยว่าบริเวณที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์แซงรถจักรยานสองล้อที่นางแฉ่งเป็นผู้ขับขี่เป็นบริเวณทางแยก การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์แซงรถจักรยานสองล้อตรงทางแยกเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 28 ทวิ(1) แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 59 พ.ศ. 2515ข้อ 5 จึงเป็นการฟังข้อเท็จจริง นอกเหนือจากคำฟ้อง เหตุนี้เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงในตอนต่อมาว่า หลังจากจำเลยให้สัญญาณขอทางแล้ว ขณะจำเลยขับรถจะแซงขึ้นไป นางแฉ่งหักรถจักรยานมาทางขวามือกระทันหันตัดหน้ารถจำเลยอย่างกระชั้นชิด เหตุที่รถเกิดชนกันจึงมิใช่ความผิดของจำเลยพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์แซงขึ้นหน้ารถคันอื่นตรงบริเวณทางแยก ศาลก็รับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวลงโทษจำเลยได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการบรรยายฟ้องประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) บัญญัติให้โจทก์ต้องบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี มาตรา 192 วรรคแรกห้ามมิให้พิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์แซงขึ้นหน้ารถคันอื่นตรงบริเวณทางแยกข้อเท็จจริงดังกล่าวก็เป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือจากฟ้องจะรับฟังลงโทษจำเลยหาได้ไม่
พิพากษายืน