คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยถูกจับดำเนินคดีฐานมีอาวุธปืนฯ ที่ใช้เฉพาะในการสงคราม แล้วมีคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 12 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2519 ให้นำปืนมามอบแก่นายทะเบียนปืนจึงไม่อยู่ในครอบครองของจำเลยจำเลยก็ไม่ต้องรับโทษตามคำสั่งนั้น

ย่อยาว

จำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 25 เดือนกรกฎาคมพุทธศักราช 2521

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2519 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจมีอาวุธปืนกล เอ็ม 16 ขนาด .223 จำนวน 1 กระบอก ใช้ยิงได้ กระสุนปืนเล็กกลขนาด .223 จำนวน 20 นัด พร้อมด้วยซองกระสุนปืนเล็กกล เอ็ม 16 จำนวน 1 อัน ซึ่งเป็อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะในการสงคราม และจำเลยบังอาจมีอาวุธปืนลูกซองพกใช้ยิงได้ 1 กระบอก มีเครื่องหมายเลขทะเบียน พ.บ. 5/980 ของผู้อื่นพร้อมด้วยกระสุนปืนลูกซองจำนวน 1 นัดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลบางจาน อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรีตามวันและเวลาดังกล่าวเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 55, 72,78 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 3, 5, 8 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2517 มาตรา 3 กฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2501) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ลงวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2501 ข้อ 5 และข้อ 16 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคมพ.ศ. 2519 ข้อ 6, 10 ริบอาวุธปืน ซองกระสุนปืน และกระสุน เอ็ม 16 ขนาด .220 ของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามไว้ในครอบครอง ได้มีคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 12 ออกใช้บังคับในภายหลัง ให้ยกเว้นโทษแก่ผู้ทำความผิด ซึ่งเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 จำเลยจึงได้รับการยกเว้นโทษในความผิดฐานนี้ จำเลยคงมีความผิดเฉพาะข้อหาฐานมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองเท่านั้น พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2517 มาตรา 3 จำคุก 6 เดือน ปรับ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้ริบเฉพาะอาวุธปืน ซองกระสุนปืน กระสุนปืน เอ็ม 16 ขนาด .223 ของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ขณะที่มีคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 12 ใช้บังคับ ปรากฏว่าจำเลยถูกเจ้าพนักงานจับกุมยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงคราม และกล่าวหาจำเลยเป็นคดีนี้ก่อนแล้ว ดังนั้นของกลางดังกล่าวจึงไม่มีอยู่ในความครอบครองของจำเลย ที่จะนำไปส่งมอบต่อนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นได้ จำเลยจึงไม่ได้รับประโยชน์หรือความคุ้มครองจากคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 12 การกระทำของจำเลยในข้อหานี้จึงเป็นความผิดตามฟ้อง พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 55, 78 กฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2501) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ลงวันที่ 17 กันยายน 2501 ข้อ 5 และข้อ 16 อีกกระทงหนึ่ง และไม่มีเหตุรอการลงโทษสำหรับกระทงความผิดนี้ ให้จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า หลังจากเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามเป็นของกลาง และกล่าวหาดำเนินคดีกับจำเลยในข้อหานี้แล้วได้มีคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 12 ลงวันที่ 7 ตุลาคมพ.ศ. 2519 ออกใช้บังคับแก่บุคคลที่มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงคราม ให้นำมามอบต่อนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายภายในวันที่ 14 ตุลาคม 2519 ผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ไม่ต้องรับโทษตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงยี่สิบปี

ปัญหาตามข้อฎีกาจำเลยมีว่า คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 12 จะมีผลใช้บังคับถึงการกระทำความผิดของจำเลยในกรณีนี้ด้วยหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าจริงอยู่ขณะที่มีคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับนี้ออกใช้บังคับแก่ผู้กระทำความผิดในเรื่องนี้ อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามอันเป็นของกลางรายนี้จะไม่อยู่ในความครอบครองของจำเลยก็ตาม หากจำเลยไม่ถูกเจ้าพนักงานจับและยึดไปเป็นของกลางเสียก่อน จำเลยอาจนำอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนของกลางรายนี้ไปมอบให้นายทะเบียนท้องที่ โดยจำเลยไม่ต้องได้รับโทษเลยจำเลยจึงควรได้รับความคุ้มครองตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 12 ดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 12 ไม่มีผลใช้บังคับถึงการกระทำดังเช่นกรณีของจำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น

พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share