แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บรรยายฟ้องว่าประมาณปี พ.ศ. 2517 จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์จำนวน 2 เครื่อง รวมราคาทั้งสิ้น 690,000 บาท จำเลยชำระค่าเครื่องปรับอากาศให้โจทก์แล้วเป็นเงิน 655,000 บาท คงเหลือที่จะต้องชำระจำนวนสุดท้าย 34,500 บาท โดยกำหนดชำระในวันที่ 1 มกราคม 2518 จำเลยประพฤติผิดสัญญาซื้อขาย ไม่ยอมชำระเงิน 34,500 บาท ให้แก่โจทก์ เช่นนี้เป็นคำฟ้องที่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว แม้ในคำฟ้องจะบรรยายว่าจำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง แต่ตามสัญญาซื้อขายที่โจทก์อ้างและส่งศาลในภายหลัง ปรากฏว่าจำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศ 3 เครื่อง ไม่ตรงที่ปรากฏในคำฟ้องก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๗ จำเลยได้สั่งซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์จำนวน ๒ เครื่อง รวมราคา ๖๙๐,๐๐๐ บาท จำเลยได้ชำระเงินค่าเครื่องปรับอากาศให้โจทก์แล้วเป็นเงิน ๖๕๕,๐๐๐ บาท คงเหลือที่ต้องชำระในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๑๘ อีก ๓๔,๕๐๐ บาท จำเลยผิดสัญญาไม่ยอมชำระเงินจำนวน ๓๔,๕๐๐ บาทให้โจทก์ โจทก์ทวงถามหลายครั้งก็ไม่ชำระ จึงขอคิดดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๑๘ ถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๕,๖๐๖ บาท ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๔๐,๑๐๓ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี จากยอดเงินบาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์รวม ๕ เครื่องและชำระราคาครบถ้วนแล้วทุกเครื่อง ที่โจทก์กล่าวว่าจำเลยยังค้างชำระเงินอีก ๓๔,๕๐๐ บาทไม่ทราบว่าเป็นเงินที่ค้างชำระสำหรับราคาของเครื่องใด โจทก์ไม่แสดงหลักฐานหนังสือสัญญาซื้อขายให้ปรากฏโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ทำให้จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้ถูกต้องและเสียเปรียบ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุม จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศจากโจทก์เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ไม่ใช่ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เกินกำหนด ๒ ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ คู่ความแถลงร่วมกันขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นเดียวว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ โดยคูความอ้างสัญญาซื้อขายเครื่องปรับอากาศหมาย จ.ล๑ เป็นพยานร่วม
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม แต่โจทก์มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยเพียงร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๓๔,๕๐๐ บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๑๘ จนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จะวินิจฉัยว่าฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ต้องพิจารณาจากคำฟ้องอย่างเดียว โจทก์บรรยายฟ้องว่าประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๗ จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์จำนวน ๒ เครื่อง รวมราคาทั้งสิ้น ๖๙๐,๐๐๐ บาท จำเลยชำระค่าเครื่องปรับอากาศให้โจทก์แล้วเป็นเงิน ๖๕๕,๐๐๐ บาท คงเหลือที่จะต้องชำระจำนวนสุดท้าย ๓๔,๕๐๐ บาท โดยกำหนดชำระในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๑๘ จำเลยประพฤติผิดสัญาซื้อขายไม่ยอมชำระเงิน ๓๔,๕๐๐ บาทให้แก่โจทก์ คำฟ้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว แม้ในคำฟ้องจะบรรยายว่าจำเลยซื้อเครื่องปรับอกาศ ๒ เครื่องแต่ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.ล. ๑ ปรากฏว่าจำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศ ๓ เครื่อง ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ตรงกับที่ปรากฏในคำฟ้อง เรื่องอาจเป็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องผิดพลาด หาใช่เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
พิพากษายืน