แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำบอกเล่าของผู้ตายซึ่งรู้ตัวว่าตนจะถึงแก่ความตาย ระบุตัวผู้ที่ทำร้ายตนคำของผู้ตายเช่นนี้จึงมีน้ำหนักรับฟังได้
คำให้การชั้นสอบสวนของพยานโจทก์โดยลำพังไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยได้เท่านั้น แต่ยังใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
แม้โจทก์ไม่สามารถนำประจักษ์พยานซึ่งรู้เห็นขณะจำเลยแทงทำร้ายผู้ตายมาเบิกความต่อศาลได้ เพราะพยานย้ายไปเสียจากภูมิลำเนาสืบหาที่อยู่ไม่พบก็ตาม แต่ศาลก็รับฟังคำให้การในชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานโจทก์ดังกล่าวประกอบคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลย และคำของผู้ตายซึ่งรู้ตัวว่าใกล้จะตายและระบุว่าจำเลยเป็นผู้แทงทำร้ายผู้ตาย ลงโทษจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมแทงนายถาวรหรือไก่ พร้อมสุวรรณถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 12 ปีฐานฆ่าผู้อื่นและมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ระหว่างรับโทษอยู่กลับมากระทำผิดในคดีนี้ อันเป็นความผิดซ้ำในอนุมาตราเดียวกัน และจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2567/2517 ของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 เพิ่มโทษและนับโทษต่อด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับในข้อเคยต้องโทษและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2567/2517 จริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ให้จำคุกตลอดชีวิต เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 93 ประกอบด้วยมาตรา 51 เป็นจำคุก 75 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ลดโทษให้ตามมาตรา 78 หนึ่งในสามคงจำคุก 50 ปี ให้นับโทษต่อตามขอ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า วางโทษจำคุกจำเลย 20 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เป็นจำคุก 30 ปี ลดโทษให้ตามมาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 20 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำพยานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ ที่จำเลยฎีกาว่าคำเบิกความของนายสุราษฎร์ เกษตระชนม์ เป็นพยานบอกเล่าจากผู้ตายไม่น่ารับฟังนั้น เห็นว่า แม้นายสุราษฎร์จะทราบจากคำบอกเล่าแต่ก็เป็นคำบอกเล่าของผู้ตายซึ่งรู้ตัวว่าตนจะถึงแก่ความตาย ระบุตัวผู้ที่ทำร้ายตน คำของผู้ตายเช่นนี้จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ ที่จำเลยฎีกาว่า ไม่ควรรับฟังคำให้การของนายวิรัช เพิกพร นายไพฑูรย์ ประยูรศักดิ์ และนายประทิน คงเลี้ยง เพราะเป็นแต่เพียงคำให้การในชั้นสอบสวนนั้น เห็นว่า พยานโจทก์ดังกล่าวนี้ย้ายไปเสียจากภูมิลำเนา โจทก์ได้ขอเลื่อนคดีหลายนัดเพื่อให้พนักงานสอบสวนสืบหาที่อยู่ของพยานแต่ไม่สามารถหาพบ จนโจทก์จำต้องส่งแต่คำให้การชั้นสอบสวนเป็นพยานหลักฐาน คำให้การชั้นสอบสวนของพยานโจทก์โดยลำพังไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยได้เท่านั้น แต่ยังใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบพยานหลักฐานอื่นได้ คดีนี้เมื่อนำคำให้การในชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานไปประกอบคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยและคำของผู้ตายซึ่งระบุว่าจำเลยเป็นผู้ทำร้ายผู้ตายแล้ว มีน้ำหนักเพียงพอให้ฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดจริงตามฟ้อง
พิพากษายืน