คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันให้ชำระเงินคืน จำเลยทั้งสองให้การใจความว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้และจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันให้โจทก์ไว้จริงโดยโจทก์ตกลงซื้อไม้แปรรูปจากจำเลยที่ 1 และได้วางมัดจำไว้ 50,000 บาท แต่โจทก์ขอให้จำเลยเขียนเป็นสัญญากู้ให้โจทก์ยึดถือเป็นหลักฐานการวางมัดจำ ครั้นเมื่อจำเลยส่งมอบไม้ให้โจทก์ตามสัญญาโจทก์กลับไม่ยอมตรวจรับไม้ จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันตามคำให้การของจำเลยเท่ากับต่อสู้ว่าสัญญากู้และค้ำประกันตามฟ้องไม่สมบูรณ์ซึ่งจำเลยมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2516 จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป50,000 บาท ให้ดอกเบี้ยชั่งละ 1 บาทต่อเดือน จะชำระคืนภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2517 จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ครบกำหนดจำเลยที่ 1 ไม่ชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ขอให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชำระเงินต้น 50,000 บาท ดอกเบี้ย 12,349 บาท และดอกเบี้ยชั่งละ 1 บาทต่อเดือนในเงินต้น 50,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้และจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันให้โจทก์ไว้จริง แต่มิได้มีเจตนาให้ผูกพันกันตามสัญญากู้ ความจริงโจทก์ตกลงซื้อไม้แปรรูปจากจำเลยที่ 1 ได้วางมัดจำไว้ 50,000 บาท แต่โจทก์ขอให้จำเลยเขียนเป็นสัญญากู้ให้โจทก์ยึดถือเป็นหลักฐานการวางมัดจำ ครั้นเมื่อจำเลยส่งมอบไม้ให้โจทก์ตามสัญญาโจทก์กลับไม่ยอมตรวจรับไม้ โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ขอให้ยกฟ้อง

วันชี้สองสถานจำเลยแถลงว่าหนี้รายนี้เกี่ยวพันกับเรื่องไม้ที่จำเลยที่ 1 ส่งให้โจทก์ โจทก์ไม่รับ จำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหาย ขอให้หักค่าเสียหายให้จำเลยบ้าง โจทก์แถลงว่าเป็นคนละเรื่องกัน ไม่ยอมลดหนี้ให้จำเลย ศาลชั้นต้นงดสืบพยานและวินิจฉัยว่า จำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันและรับว่าเป็นหนี้โจทก์อยู่จริงตามฟ้อง ต้องรับผิดตามสัญญาที่ทำไว้ พิพากษาให้จำเลยร่วมกันชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าตามคำให้การของจำเลยเท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ เป็นประเด็นสำคัญซึ่งจำเลยมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้ จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์จำเลยเสียก่อน พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่าตามคำให้การของจำเลยเท่ากับต่อสู้ว่าสัญญากู้และค้ำประกันตามฟ้องไม่สมบูรณ์ จำเป็นต้องสืบพยานฟังข้อเท็จจริงให้ได้ความเสียก่อนพิพากษาคดี

พิพากษายืน

Share