แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ธนาคารพาณิชย์ประกอบธุรกิจในการให้กู้ยืมเงินและมีประเพณีการค้าในการให้กู้เงินด้วยการคิดดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือนเป็นปกติเสมอมา ทำสัญญาให้กู้ยืมเงินโดยตกลงคิดดอกเบี้ยทบต้นเมื่อผิดนัดเป็นรายเดือน ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 254 วรรค 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ ในฐานะผู้กู้จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้ค้ำประกัน ให้ร่วมกันรับผิดใช้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยทบต้นที่ค้างชำระกับดอกเบี้ยทบต้นต่อไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่า ถูกหลอกลวงให้ลงชือในสัญญากู้ และไม่ได้รับเงิน ทั้งโจทก์เรียกดอกเบี้ยทบต้นโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และไม่ใช่ประเพณีการค้า เป็นเรื่องกู้เงินธรรมดาสัญญากู้เป็นโมฆะ
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่า สัญญากู้เป็นโมฆะ สัญญาค้ำประกันซึ่งไม่ผูกพันจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๑๓๓,๕๘๘.๘๕ บาท แก่โจทก์และให้เสียดอกเบี้ยทบต้นในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๐๓ ตลอดไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ ผู้เดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ผู้เดียวฎีกาว่า ดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือนในอัตราร้อยละ ๘ ต่อปีเป็นโมฆะ
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ธนาคารโจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์ ประกอบธุรกิจในการให้กู้ยืมเงินด้วย และมีประเพณีการค้าในการให้กู้เงินด้วยการคิดดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือนเป็นปกติเสมอมา รูปคดีเข้าอยู่ในบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๕๕ วรรค ๒ ซึ่งเป็นข้อยกเว้นของวรรคต้น สัญญากู้ที่จำเลยที่ ๑ ทำไว้กับธนาคารโจทก์ยอมให้คิดดอกเบี้ยทบต้นเมื่อผิดนัดเป็นรายเดือน จึงสมบูรณ์ใช้ได้ หาเป็นโมฆะไม่ จำเลยต้องชำระเงินดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือนให้โจทก์ พิพากษายืน