คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3537/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ก่อสร้างอาคารตามข้อตกลงในสัญญารวมทั้งส่วนที่ตกลงเพิ่มเติมให้จำเลยเสร็จแล้ว แต่ปรากฏว่าตัวอาคารมีรอยร้าวตามส่วนต่างๆ หลายแห่งอันควรจะต้องได้รับการแก้ไขอันแสดงถึงผลงานที่ไม่เรียบร้อย และโจทก์ไม่หาประกันมาให้จำเลยตามที่เรียกร้องได้ จำเลยจึงชอบที่จะยึดหน่วงสินจ้างไว้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 599ส่วนค่าจ้างเกี่ยวกับการก่อสร้างเพิ่มเติมนั้นเมื่อไม่ปรากฏว่ามีข้อชำรุดบกพร่องแต่อย่างใด จำเลยก็ต้องชำระสินจ้างในส่วนนี้แก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าก่อสร้างอาคารที่ยังค้างชำระอยู่อีก 154,700 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ก่อสร้างอาคารให้แล้วเสร็จตามสัญญาและแบบแปลน ผสมปูนทรายและหินขัดผิดส่วนสัดทำให้ผนังตัวอาคารแตกร้าวและทรุดทั้งหมดทาสีตัวอาคารไม่เรียบร้อย จำเลยแจ้งให้แก้ไขให้เรียบร้อยแล้วโจทก์ไม่จัดการให้ทำให้จำเลยไม่อาจใช้อาคารที่จ้างโจทก์ทำได้สมประโยชน์ส่วนค่าก่อสร้างเพิ่มเติมที่โจทก์เรียกร้องมา เป็นเรื่องที่โจทก์ต้องกระทำอยู่แล้วตามสัญญามิได้มีการว่าจ้างให้ทำนอกเหนือไปกว่านั้น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามสัญญาให้ถูกต้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าก่อสร้าง และค่าจ้างก่อสร้างเพิ่มเติมแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย โดยลดค่าจ้างลงบางส่วนเพราะผลงานมีข้อชำรุดบกพร่อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้เป็นผู้ผิดสัญญาพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วเชื่อว่าจำเลยตกลงว่าจ้างโจทก์ทำการก่อสร้างเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากที่ตกลงไว้ตามสัญญาว่าจ้างเดิมและในส่วนนี้โจทก์ก็ได้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่การก่อสร้างตามสัญญามีข้อชำรุดบกพร่องมีรอยร้าวอยู่เป็นจำนวนมาก เห็นได้ว่าตัวอาคารตึกที่โจทก์ก่อสร้างตามสัญญาแสดงถึงผลงานไม่เป็นที่เรียบร้อย แม้ว่ารอยร้าวต่าง ๆ ที่ปรากฏต่อศาลส่วนใหญ่จะเป็นเพียงรอยร้าวเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็เป็นข้อที่ควรได้รับการตำหนิแสดงให้เห็นถึงผลงานว่ามีข้อชำรุดบกพร่องอันควรที่ต้องได้รับการแก้ไขในสิ่งเหล่านั้น ซึ่งการนี้โจทก์เองก็ไม่อาจหาประกันตามที่จำเลยเรียกร้องได้ จำเลยก็ชอบที่จะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 599 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยชอบที่จะใช้สิทธิยึดหน่วงไม่ชำระค่าจ้างที่ค้างในส่วนที่เกี่ยวกับการก่อสร้างตามสัญญาเอกสารหมาย จ.1 นั้นชอบแล้ว แต่ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยกับเงินค่าจ้างเกี่ยวกับการก่อสร้างเพิ่มเติมในจำนวนเงิน 14,700 บาท ซึ่งเป็นเงินค่าจ้างการก่อสร้างคนละส่วน และไม่ปรากฏว่าการก่อสร้างส่วนที่เพิ่มเติมจะมีข้อชำรุดบกพร่องอย่างใด ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นในบางส่วน

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินค่าก่อสร้างในส่วนที่เพิ่มเติมแก่โจทก์เป็นเงิน 14,700 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาเป็นพับ

Share