แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการห้างฯ จำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรม ห้างฯ จำเลยที่ 1 ต้องเลิกกันและจัดให้มีการชำระบัญชี ว.หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดห้างฯ จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจแต่งทนายสู้คดีแทนห้างฯ จำเลยที่ 1 กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตั้งแต่ ว. แต่งตั้งทนายสู้คดีแทนจำเลยที่ 1 ต้องเพิกถอนเสีย เพราะเป็นอำนาจของผู้ชำระบัญชี การที่จะอ้างเหตุฉุกเฉินตาม ป.พ.พ.มาตรา 802 ต้องเป็นตัวแทนกันมาก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ส่วนจำเลยที่ ๓ เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ ได้ออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการก่อนฟ้องคดีนี้ยังไม่เกิน ๒ ปี เมื่อประมาณเดือนธันวาคม ๒๕๒๖ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๒๘ จำเลยที่ ๑ ได้สั่งซื้อและรับสินค้าไปจากโจทก์หลายคราว แต่จำเลยที่ ๑ ผิดนัดไม่ชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์รวมทั้งดอกเบี้ยเป็นเงิน ๑๗,๒๓๔,๔๙๙.๕๓ บาท จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ เป็นส่วนตัวชดใช้ให้แก่โจทก์ หนี้ของจำเลยทั้งสามเป็นหนี้ที่มีจำนวนแน่นอนถึงกำหนดชำระแล้ว และมีจำนวนเกินกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยทั้งสามมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสามเด็ดขาด และมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสามล้มละลายต่อไป
จำเลยที่ ๑ โดยนางวราภรณ์ แซ่ซื้อ หุ้นส่วน และจำเลยที่ ๓ยื่นคำให้การว่า จำนวนหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและมีจำนวนยังไม่แน่นอน หนี้ตามฟ้องขาดอายุความ จำเลยยังคงประกอบธุรกิจอยู่ในสถานการค้าตามปกติ จำเลยไม่เคยแจ้งว่าไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ไม่ยื่นคำให้การ
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ทนายจำเลยที่ ๑และที่ ๓ ยื่นคำร้องว่านางวราภรณ์ แซ่ซื้อ แจ้งว่าจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ ได้ถึงแก่กรรม นางวราภรณ์ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งในห้างฯ จำเลยที่ ๑ จำเป็นต้องลงลายมือชื่อพร้อมประทับตราห้างฯ จำเลยที่ ๑ แทนจำเลยที่ ๒ เพื่อแต่งตั้งทนายควาเข้าแก้ต่างในคดีนี้ ปรากฏตามใบแต่งทนาย ซึ่งได้ยื่นไว้พร้อมกับคำให้การเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๓๐ ศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๒เสียจากสารบบความ และต่อมาในวันที่ ๙ พฤษภาคม๒๕๓๑ ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายจำเลยที่ ๓ แถลงว่านางวราภรณ์ หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ ๑ ทราบเรื่องการดำเนินคดีนี้แล้ว แต่ยืนยันว่าจะไม่ตั้งผู้ชำระบัญชีจำเลยที่ ๑ขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อจำเลยที่ ๑ ไม่ตั้งผู้ชำระบัญชีเข้ามาดำเนินคดีนางวราภรณ์ไม่มีอำนาจแต่งทนายเข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยที่ ๑จึงมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๑ ขาดนัดพิจารณา ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาสำหรับจำเลยที่ ๑ ไปฝ่ายเดียว และให้เพิกถอนการดำเนินกระบวนพิจารณาในส่วนที่นางวราภรณ์แต่งทนายเข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยที่ ๑ โดยถือว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบเสียทั้งหมด
จำเลยที่ ๑ โดยนางวราภรณ์ แซ่ซื้อ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ โดยนางวราภรณ์ แซ่ซื้อ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๑ ว่า นายธานินทร์ วงประเสริฐจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว ฉะนั้น ห้างหุ้นส่วนจำกัดส.เจริญยนต์ตากสิน จำเลยที่ ๑ ซึ่งมีผู้เป็นหุ้นส่วนอยู่สองคนคือจำเลยที่ ๒ และนางวราภรณ์ แซ่ซื้อ จึงต้องเลิกกัน เพราะสภาพความเป็นหุ้นส่วนย่อมไม่มีอยู่ต่อไปอีก หากจะดำเนินกิจการของห้างจำเลยที่ ๑ อยู่ต่อไป ก็เท่ากับดำเนินการในกิจการส่วนตัวของนางวราภรณ์ แซ่ซื้อ เท่านั้น เมื่อห้างฯ จำเลยที่ ๑ เลิกกันต้องจัดให้มีการชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๔๗ถึง ๑๒๗๓ นางวราภรณ์ แซ่ซื้อ จึงไม่มีอำนาจใด ๆ จะตั้งตนเองเป็นผู้แทนของจำเลยที่ ๑ และแต่งทนายเข้ามาสู่คดีแทนจำเลยที่ ๑ได้ เพราะเป็นอำนาจของผู้ชำระบัญชี ตามมาตรา ๑๒๕๙ (๑) การที่ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาเป็นแต่นางวราภรณ์ แซ่ซื้อแต่งทนายเข้ามาสู้คดีแทนจำเลยที่ ๑ เสียทั้งหมดเพราะถือว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้น ชอบด้วยกฎหมายแล้วส่วนที่นางวราภรณ์ แซ่ซื้อ อ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๐๒ว่าตนมีอำนาจดำเนินคดีในฐานะผู้แทนของจำเลยที่ ๑นั้น เห็นว่าการจะอ้างมาตราดังกล่าวนี้จะต้องเป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๑ มาก่อนจึงจะมีอำนาจดำเนินการแทนจำเลยที่ ๑ในเหตุฉุกเฉินได้ เมื่อนางวราภรณ์ แซ่ซื้อ ไม่ได้เป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๑ จะเข้าดำเนินคดีแทนจำเลยที่ ๑ เพราะเหตุฉุกเฉินไม่ได้
พิพากษายืน.