แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตำหรวดมีหน้าที่เสาะหรือสืบสวนความผิดอาญาตามวิธีพิจารนาความอาญา
ปลัดอำเพอพบผู้กะทำผิดแล้วไม่จับกุมกลับบังคับเอาเงินจากผู้กะทำผิด ไม่ผิดตามมาตรา 142 เพราะการสอบสวนนั้นทางกะซวงมหาดไทยได้กำหนดหน้าที่ไห้แก่ตำหรวดโดยฉเพาะ
พลตำหรวด+ไปพบผู้กะทำผิดแล้วไม่จับกุม กลับบังคับเอาเงินจากผู้กะทำผิดดังนี้ เปนผิดตามมาตรา 136 และ 142
สารวัตสึกสาไม่มีอำนาดหน้าที่สืบเสาะไต่สวนคดีดังที่บัญญัติไว้ไนวิธีพิจารนาความอาญา ม. 17,18
ย่อยาว
ข้อเท็ดจิงได้ความว่า จำเลยที่ ๑ มีตำแหน่งเปนปลัดอำเพอจำเลยที่ ๒ เปนสารวัตสึกสา จำเลยที่ ๓ เปนตำหรวดประจำกิ่งอำเพอเจียรดับ ได้รับคำสั่งไห้มีหน้าที่ไปทำการสำหรวดจดทเบียนและทำตั๋วรูปพรรนสัตว์พาหนะตามตำบน จำเลยได้พบเข้าของกะบือที่ไม่ขอจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรนเปนความผิด ได้บังอาดไช้อำนาดไนตำแหน่งหน้าที่หาประโยชน์อันมิควนได้ บังคับไห้เจ้าของกะบือเสียค่าปรับโดยขู่ว่าถ้าไม่เสียจะ+กะบือส่งชายแดน เจ้าของกะบือมีความกลัวจึงมอบเงินไห้จำเลย
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วพิพากสาว่านายถวินจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๑๓๖ และ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๒) มาตรา ๓ ไห้จำคุก ๘ เดือน และไห้ปล่อยนายสุพจน์และนายละออง
โจทและนายถวินจำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสาแก้ว่านายละอองจำเลยที่ ๓ มีความผิดตามมาตรา ๑๔๒ และ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๒) ไห้จำคุก ๖ เดือน ความอื่นนอกนั้นคงยืนตาม
โจทดีกาขอไห้ลงโทสจำเลยที่ ๑ ++ ส่วนจำเลยที่ ๓ ดีกาไห้ยกฟ้อง สาลดีกาเห็นพ้องด้วยสาลอุธรน์จำเลยที่ ๓ เปนตำหรวดไปตรวดห้องที่มีหน้าที่สืบสวนตามวิธิพิจารนาความอาญา ม. ๑๗ เมื่อจำเลยไม่ปติบัติการตามหน้าที่กลับสทคบจำเลยอื่นและเจตนาที่จะช่วยเหลือผู้กะทำผิดมิไห้ต้องรับอาญา สาลดีกาเห็นว่าจำเลยที่ ๓ นอกจากจะมีผิดตามม. ๑๔๒ ยังมีผิดตาม ม. ๑๓๖ ด้วย จึงไห้ลงโทสจำเลยที่ ๓ ตาม ม. ๑๓๖ ซึ่งเปนบทหนักส่วนจำเลยที่ ๑ คงผิดตาม ม. ๑๓๖ และไม่ผิดตาม ม. ๑๔๒ ด้วยเพราะการสอบสวนทางราชการได้กำหนดหน้าที่ไห้แก่ตำหรวดโดยฉเพาะ คดีสำหรับจำเลยที่ ๒ ซึ่งเปนสารวัตสึกสาไม่มีอำนาดสืบเสาะไต่สวนคดีและการกะทำที่โจทกล่าวหามิไช่เปนการไช้อำนาดไนตำแหน่งหน้าที่ของจำเลย จึงฟังลงโทสจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ พิพากสาแก้ว่าจำเลยที่ ๓ มีผิดตาม ม. ๑๓๖,๑๔๒ ไห้จำคุกจำเลยที่ ๓ หนึ่งปี นอกจากที่แก้นี้ไห้ยืนตาม