คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2443/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา199วรรคสองเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยมีสิทธิอ้างตนเองเป็นพยานกับซักค้านพยานโจทก์เท่านั้นไม่มีสิทธินำพยานของจำเลยเข้าสืบไม่ว่าพยานบุคคลหรือพยานเอกสารการที่จำเลยนำเอกสารมาให้พยานดูประกอบการถามค้านพยานโจทก์แล้วส่งเอกสารนั้นต่อศาลชั้นต้นโดยที่พยานโจทก์ไม่ได้เบิกความรับรองข้อความในเอกสารดังกล่าวเท่ากับจำเลยเรียกพยานหลักฐานของตนเข้าสืบฝ่าฝืนต่อกฎหมายดังกล่าวจึงต้องห้ามมิให้รับฟังศาลชั้นต้นจะนำเอกสารดังกล่าวมาวินิจฉัยประกอบคำเบิกความของตัวจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้จำเลยรื้อถอนเสาคอนกรีตออกจากที่พิพาท หากจำเลยไม่รื้อถอนให้โจทก์รื้อถอนโดยจำเลยเสียค่าใช้จ่าย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า สิทธิครอบครองในที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้จำเลยรื้อถอนเสาคอนกรีตที่ปักไว้ออกไปหากจำเลยไม่รื้อถอนให้โจทก์รื้อถอนโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาข้อแรกต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า การที่จำเลยนำสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาตามเอกสารหมาย ล.2สำเนาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามเอกสารหมาย ล.3 และบันทึกถ้อยคำตามเอกสารหมาย ล.4 และ ล.5 มาให้พยานโจทก์ดูประกอบการถามค้านพยานโจทก์ แล้วส่งพยานเอกสารดังกล่าวต่อศาลชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 วรรคสอง เมื่อศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยมีสิทธิเพียงอ้างตนเองเป็นพยานกับซักค้านพยานโจทก์เท่านั้น ไม่มีสิทธินำพยานของจำเลยเข้าสืบไม่ว่าพยานบุคคลหรือพยานเอกสาร การที่จำเลยนำเอกสารมาให้พยานโจทก์ดูประกอบการถามค้านพยานโจทก์แล้วส่งเอกสารนั้นต่อศาลชั้นต้น โดยที่พยานโจทก์ไม่ได้เบิกความรับรองข้อความในเอกสารดังกล่าวเท่ากับจำเลยเรียกพยานหลักฐานของตนเข้าสืบฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวข้างต้น เอกสารหมาย ล.2 ถึง ล.5 จึงต้องห้ามมิให้รับฟังที่ศาลชั้นต้นนำเอาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามเอกสารหมาย ล.3มาวินิจฉัยประกอบคำเบิกความของตัวจำเลยจึงไม่ชอบ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share