คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำกล่าวหมิ่นประมาทเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงไม่เข้าอยู่ในข้อยกเว้นตามมาตรา 283 การที่จะเข้าข้อยกเว้นต้องเป็นการแสดงความคิดเห็น

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยบังอาจกล่าววาจาหมิ่นประมาทใส่ความเจ้าทุกข์ต่อหน้าบุคคลแต่ ๒ คนขึ้นไปว่า “นางสอิ้งไปได้เสียเป็นเมียนายเชื้อที่ต้นลำภูและตามใต้ถุนเรือน” ซึ่งอาจทำให้เจ้าทุกข์ได้รับความเสียหายชื่อเสียง และทำให้คนทั้งหลายดูหมิ่นเกลียดชัง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยเข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๘๓ (๑) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเมื่อฟังข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องแล้วจะกลับอาศัยความในมาตรา ๒๘๓ (๑) เป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องจำเลยกล่าวถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงข้อหนึ่งหรือหลายข้อต่างหาก ไม่ใช่เป็นเรื่องแสดงความคิดเห็น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทจึงพิพากษากลับลงโทษจำเลยมาตรา ๒๘๒
จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเข้าอยู่ในข้อยกเว้น และจำเลยไม่มีเจตนาร้ายตามมาตรา ๔๓ ศาลฎีกาเห็นว่าคำพูดของจำเลยเป็นการกล่าวยืนยันว่าเจ้าทุกข์กระทำการซึ่งไม่สมควร ไม่ดีเป็นที่เสียชื่อเสียง ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอย่างไรส่วนเรื่องเจตนาของจำเลยนั้น ปรากฏว่าจำเลยใช้ถ้อยคำไม่สุภาพในการที่จำเลยกล่าวเรื่องเจ้าทุกข์แก่ผู้อื่น ทั้งนี้ย่อมส่อแสดงเจตนาของจำเลยว่ามิได้หวังดีต่อเจ้าทุกข์หรือมารดาเจ้าทุกข์แต่อย่างไร ส่วนเจ้าทุกข์จะได้เสียหายหรือไม่มีกฎหมายระบุว่าต้องเสียหาย และความจริงเมื่อข่าวไม่ดีมีไปถึงตลาดเช่นนี้ย่อมเกิดการเสียหายเป็นธรรมดา จึงพิพากษายืน.

Share