คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีผิดสัญญา โดยปกติศาลย่อมบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญา แต่เมื่อมีพฤตติการณ์พิเศษ เช่นจะเป็นการเสียหายแก่บุคคลภายนอกมากมาย ศาลจะให้ใช้ค่าเสียหายแทนก็ได้

ย่อยาว

ได้ความว่าโจทก์ซื้อที่ดินจากจำเลยโดยมีสัญญาว่าโจทก์หรือผู้รับโอนกรรมสิทธิ์จากโจทก์มีสิทธิใช้ทางเดินในที่ของจำเลยออกถนนใหญ่ได้ แต่มิได้จดทะเบียนภาระจำยอมนี้ ต่อมาจำเลยได้ขายที่ดินตอนอื่นของจำเลยกับทางเดินรายนี้ให้บุคคลที่ ๓ ไปแต่ยังมิได้ทำสัญญาซื้อขายกันต่อเจ้าพนักงาน บัดนี้ โจทก์มาฟ้องขอให้จดทะเบียนทางเดินตามข้อสัญญา มิฉะนั้นก็ให้ใช้ค่าเสียหายศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าสภาพแห่งที่ดินไม่เปิดช่องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาได้ จึงให้จำเลยรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ในการที่ที่ดินเสื่อมราคาลงในการซื้อขาย เป็นเงิน ๔๐๐ บาท
คู่ความต่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ว่าขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนภาระจำยอม และว่าค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้นั้นต่ำไป ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาซื้อขายที่พิพาทระหว่างโจทก์ จำเลยมีความชัดเรื่องทางเดินนี้ จำเลยมิได้ปฏิบัติตามจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โดยปกติในกรณีผิดสัญญาเช่นนี้ ศาลย่อมบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาแต่กฎหมายมิได้บังคับตายตัว เมื่อมีพฤตติการณ์พิเศษจะไม่บังคับให้เป็นไปตามสัญญาก็ได้เรื่องนี้ผู้ซื้อที่ดินจากจำเลยได้ลงทุนปลูกสร้างลงในที่รายนี้เสร็จไปแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นว่าไม่ควรบังคับให้จำเลยจดทะเบียนทางเดินตามสัญญา ควรให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ในการที่ขาดทางเดินนี้ ในเรื่องค่าเสียหายนี้เห็นว่าที่ติดทางมีค่ากว่าที่ไม่ติดทางมาก จำเลยต้องรับผิดในการที่ราคาที่ดินของโจทก์ต่ำไปประมาณ ๑ ใน ๓ ของราคาซื้อขาย จึงพิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ๑๐๘๑ บาท ๖๐ สตางค์

Share