คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกล่าวในฟ้องแย้งว่าการที่โจทก์ฟ้องคดีเป็นการกลั่นแกล้งจำเลยอันเป็นละเมิดทำให้จำเลยเสียหายในทางการค้าและชื่อเสียงขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ5,000บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปนั้นเป็นการฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดโดยตรงมิใช่เพียงต่อสู้ว่าจำเลยอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ น. ไม่ได้อาศัยสิทธิโจทก์เท่านั้นการที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยคำนวณตั้งทุนทรัพย์และชำระค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์โดยกำหนดเวลาให้จำเลยปฏิบัติจึงชอบแล้วเมื่อจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นการทิ้งฟ้องแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174(2)ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการที่จำเลยไม่คำนวณตั้งทุนทรัพย์และชำระค่าขึ้นศาลภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นการทิ้งฟ้องแย้งนั้นจึงชอบแล้วไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแต่อย่างใดศาลอุทธรณ์ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์หรือไม่และไม่ต้องกำหนดเวลาให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลอีก หนังสือมอบอำนาจมีลักษณะเป็นหนังสือมอบอำนาจทั่วไปผู้มอบอำนาจอาจมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจกระทำการหลายสิ่งหลายอย่างแทนตนได้และในหนังสือมอบอำนาจก็ระบุว่าให้ผู้รับมอบอำนาจมีสิทธิฟ้องคดีแพ่งคดีล้มละลายเพื่อป้องกันและรักษาทรัพย์สินผลประโยชน์หรือสิทธิต่างๆของธนาคารโจทก์ได้เมื่อการฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายเป็นการฟ้องคดีแพ่งจึงถือได้ว่าผู้รับมอบอำนาจโจทก์มีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้ เดิมศาลพิพากษาขับไล่ ว. และ ศ. คดีถึงที่สุดชั้นบังคับคดีจำเลยได้ยื่นคำร้องในคดีดังกล่าวว่าไม่ใช่บริวารของ ว. และ ศ. ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยเป็นบริวารให้ขับไล่จำเลยคดียังไม่ถึงที่สุดในคดีดังกล่าวจำเลยมิได้เป็นคู่ความดังนั้นคู่ความในคดีนี้กับคดีดังกล่าวจึงไม่ใช่คู่ความรายเดียวกันอันจะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148และ144ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีดังกล่าว จำเลยให้การเพียงว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโดยไม่ได้แสดงเหตุแห่งการปฏิเสธจึงไม่มีประเด็นในเรื่องนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้และศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบและเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โจทก์ได้ยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าได้ขายที่ดินและตึกแถวพิพาทให้บุคคลภายนอกแล้วก็ไม่ลบล้างสิทธิต่างๆของโจทก์ที่มีอยู่เดิมที่ได้ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายไว้ก่อนแล้วโจทก์อาจเสียสิทธิไปเฉพาะเรื่องค่าเสียหายหลังจากการขายที่ดินและตึกแถวพิพาทไปแล้วเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย และ บริวาร เข้า อยู่อาศัย ใน ที่ดิน และ ตึกแถวของ โจทก์ โดย ไม่มี สิทธิ ทำให้ โจทก์ ได้รับ ความเสียหาย โจทก์ บอกกล่าวให้ จำเลย ออก ไป จาก ที่ดิน และ ตึกแถว ดังกล่าว แล้ว แต่ จำเลย เพิกเฉยค่าเสียหาย นับแต่ วัน ครบ กำหนด ตาม หนังสือ บอกกล่าว จน ถึง วันฟ้อง รวม3 วัน เป็น เงิน 400 บาท ขอให้ บังคับ จำเลย ชดใช้ ค่าเสียหาย 400 บาทกับ ให้ จำเลย และ บริวาร ออก ไป จาก ที่ดิน และ ตึกแถว ดังกล่าว ของ โจทก์หาก ไม่ออก ให้ ชดใช้ ค่าเสียหาย เป็น เงินเดือน ละ 40,000 บาท จนกว่าจะ ออก ไป
จำเลย ให้การ และ ฟ้องแย้ง ว่า โจทก์ มิได้ มอบอำนาจ ให้นาย ประสงค์ ภูวกุล และนายพิษณุ สวัสดิทัต ฟ้อง จำเลย ลายมือชื่อ ใน หนังสือมอบอำนาจ เป็น ลายมือชื่อปลอม โจทก์ ไม่ใช่ เจ้าของผู้ มี กรรมสิทธิ์ ใน ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท แต่ ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาทเป็น กรรมสิทธิ์ ของ นาย นิมนต์ วงศ์ชินศรี นายนิมนต์ ไม่เคย โอน ชำระหนี้ จำนอง ให้ แก่ โจทก์ จำเลย เข้า อยู่ ใน ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาทโดย อาศัย สิทธิ ของ นาย นิมนต์ ตลอดมา โจทก์ เคย ดำเนินการ บังคับคดี ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 26958/2528 ของ ศาลชั้นต้น โดย อ้างว่าจำเลย เป็น บริวาร ของ จำเลย ใน คดี ดังกล่าว และ ให้ ออก ไป จาก ที่ดินและ ตึกแถว พิพาท ขณะ นี้ คดี อยู่ ระหว่าง การ พิจารณา ของ ศาลชั้นต้นการ ที่ โจทก์ ฟ้องคดี นี้ จึง เป็น การ ฟ้องซ้ำ และ ดำเนิน กระบวนพิจารณา ซ้ำคำฟ้อง ของ โจทก์ เกี่ยวกับ ค่าเสียหาย เคลือบคลุม โจทก์ ไม่มี สิทธิเรียก ค่าเสียหาย เดือน ละ 40,000 บาท เพราะ ไม่ได้ บรรยาย ไว้ ใน คำฟ้องโจทก์ ไม่มี อำนาจฟ้อง ใบอนุญาต ว่าความ ของ นาย พิษณุ สวัสดิทัต ได้ ยกเลิก แล้ว นาย พิษณุ ไม่มี อำนาจ กระทำการ ใด ๆ ใน ฐานะ ทนายความ รวมทั้ง การ เรียงพิมพ์ การ ลงชื่อ ท้ายฟ้อง คำฟ้องโจทก์ จึง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การ ที่ โจทก์ ฟ้อง จำเลย จึง เป็น การกลั่นแกล้ง จำเลย อันเป็น ละเมิด ทำให้ จำเลย ได้รับ ความเสียหาย ทางการค้า และ ชื่อเสียง ขอให้ ยกฟ้อง และ ให้ โจทก์ ใช้ ค่าเสียหาย แก่จำเลย เดือน ละ 5,000 บาท นับแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไป
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง รับคำ ให้การ จำเลย ส่วน ฟ้องแย้ง เป็น คดีมี ทุนทรัพย์ จำเลย มิได้ ตั้ง ทุนทรัพย์ ไว้ จึง ให้ จำเลย คำนวณ ตั้งทุนทรัพย์ และ ชำระ ค่าขึ้นศาล ภายใน 7 วัน มิฉะนั้น ไม่รับฟ้อง แย้งจำเลย ไม่ ดำเนินการ ตาม ที่ ศาลชั้นต้น กำหนด ศาลชั้นต้น จึง มี คำสั่งไม่รับฟ้อง แย้ง คืน ค่าขึ้นศาล ทั้งหมด และ ศาลชั้นต้น พิพากษาให้ จำเลย พร้อม บริวาร ออก ไป จาก ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท หาก จำเลย และบริวาร ไม่ออก ให้ ชดใช้ ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ เดือน ละ 1,500 บาทต่อ ที่ดินพิพาท 1 แปลง นับแต่ วันที่ จำเลย ทราบ คำบังคับ เป็นต้น ไปจนกว่า จะ ออก ไป จาก ที่ดินพิพาท
จำเลย อุทธรณ์ คำสั่ง ที่ ไม่รับฟ้อง แย้ง และ อุทธรณ์ คำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ตาม ที่ จำเลย กล่าว ใน ฟ้องแย้ง ว่า การ ที่โจทก์ ฟ้องคดี เป็น การ กลั่นแกล้ง จำเลย อันเป็น ละเมิด ทำให้ จำเลยเสียหาย ใน ทางการ ค้า และ ชื่อเสียง ขอให้ โจทก์ ชดใช้ ค่าเสียหายเดือน ละ 5,000 บาท นับแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไป นั้น เป็น การ ฟ้องแย้งเรียก ค่าเสียหาย ฐาน ละเมิด โดยตรง มิใช่ เพียง ต่อสู้ ว่า จำเลยอยู่ ใน ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท โดย อาศัย สิทธิ ของ นาย นิมนต์ ไม่ได้ อาศัย สิทธิ โจทก์ เท่านั้น การ ที่ ศาลชั้นต้น ให้ จำเลย คำนวณ ตั้งทุนทรัพย์ และ ชำระ ค่าขึ้นศาล อย่าง คดีมีทุนทรัพย์ โดย กำหนด เวลาให้ จำเลย ปฏิบัติ จึง ชอบแล้ว เมื่อ จำเลย มิได้ ปฏิบัติ ตาม คำสั่งศาลชั้นต้น ดังกล่าว จึง เป็น การ ทิ้งฟ้อง แย้ง ตาม ประมวล กฎหมายวิธีพิจารณา ความ แพ่ง มาตรา 174(2) ที่ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ว่าการ ที่ จำเลย ไม่ คำนวณ ตั้ง ทุนทรัพย์ และ ชำระ ค่าขึ้นศาล ภายใน ระยะเวลาที่ ศาลชั้นต้น กำหนด เป็น การ ทิ้งฟ้อง แย้ง นั้น จึง ชอบแล้ว ไม่เป็น การวินิจฉัย นอกประเด็น แต่อย่างใด ศาลอุทธรณ์ ไม่จำเป็น ต้อง วินิจฉัยว่า เป็น คดีมีทุนทรัพย์ หรือไม่ และ ไม่ต้อง กำหนด เวลา ให้ จำเลยชำระ ค่าขึ้นศาล อีก
หนังสือมอบอำนาจ เอกสาร หมาย จ. 10 มี ลักษณะ เป็น หนังสือมอบอำนาจ ทั่วไป ซึ่ง ผู้มอบอำนาจ อาจ มอบอำนาจ ให้ ผู้รับมอบอำนาจกระทำการ หลาย สิ่ง หลาย อย่าง แทน ตน ได้ และ ใน หนังสือมอบอำนาจ เอกสารหมาย จ. 10 ข้อ 3 ก็ ระบุ ว่า ให้ ผู้รับมอบอำนาจ มีสิทธิ ฟ้องคดี แพ่งคดีล้มละลาย เพื่อ ป้องกัน และ รักษา ทรัพย์สิน ผลประโยชน์ หรือ สิทธิต่าง ๆ ของ ธนาคาร โจทก์ ได้ ลายมือชื่อ ผู้มอบอำนาจ ก็ เป็น ลายมือชื่อกรรมการ ผู้มีอำนาจ กระทำ แทน โจทก์ ตรง ตาม หนังสือ รับรอง ของ สำนักงานทะเบียน หุ้นส่วน บริษัท กรุงเทพมหานคร แม้ หนังสือมอบอำนาจ เอกสารหมาย จ. 10 จะ ไม่เห็น รอย ตรา ประทับ ก็ ตาม แต่ ก็ มี ข้อความ ว่า ประทับตราสำคัญ ของ ธนาคาร (ตรา ดุน) ซึ่ง จำเลย ก็ มิได้ ให้การ ต่อสู้ ใน เรื่อง นี้คง อ้าง เพียง ว่า ไม่ได้ ระบุ เรื่อง การ ฟ้องขับไล่ และ เรียก ค่าเสียหายใน หนังสือมอบอำนาจ เท่านั้น เมื่อ การ ฟ้องขับไล่ และ เรียก ค่าเสียหายเป็น การ ฟ้องคดี แพ่ง จึง ถือได้ว่า ผู้รับมอบอำนาจ โจทก์ มีสิทธิฟ้องคดี นี้ ได้
ปัญหา ว่า ฟ้องโจทก์ เป็น ฟ้องซ้ำ หรือ ดำเนิน กระบวนพิจารณา ซ้ำกับ คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 26958/2528 ของ ศาลชั้นต้น หรือไม่ นั้นใน คดี ดังกล่าว โจทก์ ฟ้องขับไล่ นาย วันชัยกับนางสาวศิริวรรณ ศาล พิพากษา ให้ ขับไล่ บุคคล ทั้ง สอง คดีถึงที่สุด แล้ว ชั้น บังคับคดีจำเลย ได้ ยื่น คำร้อง ใน คดี ดังกล่าว ว่า ไม่ใช่ บริวาร บุคคล ทั้ง สอง นั้นแต่ ศาลชั้นต้น ได้ มี คำสั่ง ว่า จำเลย เป็น บริวาร และ ให้ ขับไล่ จำเลยคดี ยัง ไม่ถึงที่สุด เห็นว่า ใน คดี ดังกล่าว จำเลย มิได้ เป็น คู่ความแต่อย่างใด ดังนั้น คู่ความ ใน คดี นี้ กับ คดี ดังกล่าว จึง ไม่ใช่ คู่ความราย เดียว กัน อัน จะ ต้องห้าม ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 และ 144 ฟ้องโจทก์ จึง ไม่เป็น ฟ้องซ้ำ หรือ ดำเนิน กระบวนพิจารณา ซ้ำ กับ คดี ดังกล่าว
ใน เรื่อง ฟ้องเคลือบคลุม นั้น จำเลย ให้การ แต่เพียง ว่าฟ้องโจทก์ ใน ส่วน ค่าเสียหาย เคลือบคลุม โดย ไม่ได้ แสดง เหตุผลแห่ง การ ปฏิเสธ จึง ไม่มี ประเด็น ใน เรื่อง นี้ ที่ ศาลชั้นต้น กำหนดเป็น ประเด็น ข้อพิพาท ไว้ และ ศาลล่าง ทั้ง สอง วินิจฉัย ให้ เป็น การไม่ชอบ ฎีกา จำเลย ข้อ นี้ จึง เป็น ข้อ ที่ ไม่ได้ ยกขึ้น ว่า กัน มา แล้วโดยชอบ ใน ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ ตาม ประมวล กฎหมาย วิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
ที่ จำเลย ฎีกา ว่า ก่อน อ่าน คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ โจทก์ ได้ ยื่นคำแถลง ต่อ ศาลชั้นต้น ว่า ได้ ขาย ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท ให้ บุคคลภายนอกไป อำนาจฟ้อง ของ โจทก์ จึง หมด ไป นั้น เห็นว่า การกระทำ ของ โจทก์ดังกล่าว ไม่ ลบล้าง สิทธิ ต่าง ๆ ของ โจทก์ ที่ มี อยู่ เดิม ที่ ได้ ฟ้องขับไล่ จำเลย และ เรียก ค่าเสียหาย ไว้ ก่อน แล้ว โจทก์ อาจ เสีย สิทธิ ไปเฉพาะ เรื่อง ค่าเสียหาย หลังจาก การ ขาย ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท ไป แล้วเท่านั้น
พิพากษายืน

Share