คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4966/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืนให้ยกคำร้อง และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดของผู้ร้อง ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลชั้นต้นไปแล้ว ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำร้องขอของผู้ร้องดังกล่าว จึงมีผลให้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดของผู้ร้องนั้นเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง ดังนั้น ไม่ว่าศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องที่ขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นร้องขัดทรัพย์นี้เป็นประการใด ก็ไม่อาจมีผลกระทบถึงคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดของผู้ร้องไปแล้วได้ ปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากคดีเดิมศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสี่จดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 28254 ให้แก่โจทก์ทั้งสองกึ่งหนึ่ง โดยให้ตกลงแบ่งกันระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยทั้งสี่ก่อน หากตกลงกันไม่ได้ให้ประมูลกันระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยทั้งสี่ ให้ฝ่ายที่เสนอราคาสูงสุดเป็นผู้ได้กรรมสิทธิ์ไปทั้งหมด หากตกลงประมูลราคากันไม่ได้ ให้ขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวแล้วนำเงินมาแบ่งกันระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยทั้งสี่ และให้จำเลยทั้งสี่ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองในอัตราปีละ 7,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 14 มีนาคม 2556) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะแบ่งที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสอง ต่อมาโจทก์ทั้งสองนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทเพื่อนำออกขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอและแก้ไขคำร้องขอขอให้ปล่อยทรัพย์ โดยผู้ร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นร้องขัดทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นร้องขัดทรัพย์ และให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมศาลให้ครบถ้วนภายใน 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งศาล แล้วมีคำสั่งในคำร้องขัดทรัพย์ว่า รอไว้สั่งเมื่อผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมศาลครบถ้วนแล้ว หรือมิได้ชำระภายในเวลาที่ศาลกำหนด หากผู้ร้องหรือทนายมาตามคำสั่ง ให้ลงชื่อและวันที่เพื่อทราบคำสั่งด้วย หรือมิฉะนั้นให้แจ้งคำสั่งให้ผู้ร้องทราบ
คดีอยู่ในระหว่างกำหนดเวลาที่ผู้ร้องจะต้องชำระค่าธรรมเนียมศาลชั้นร้องขัดทรัพย์ตามคำสั่งศาลชั้นต้น ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเพิ่งทราบว่าโจทก์ที่ 2 ถึงแก่กรรม จึงขอให้นัดไต่สวนการมรณะของโจทก์ที่ 2 แล้วเรียกทายาทของโจทก์ที่ 2 เข้ามาเป็นคู่ความแทน และขอให้เลื่อนหรือขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาล รวมทั้งขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำสั่งไปจนกว่าจะมีคู่ความแทนที่ผู้มรณะ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ โดยศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2559
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2559 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาลภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด จึงไม่รับคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด จำหน่ายคดีจากสารบบความ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน โดยในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ดังกล่าว ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดของผู้ร้อง จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลชั้นต้นไปแล้ว หากผู้ร้องไม่เห็นพ้องด้วยและประสงค์จะให้มีการรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา ผู้ร้องก็ชอบที่จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับคำร้องขอของผู้ร้องดังกล่าว แต่ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว จึงมีผลให้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดของผู้ร้องนั้นเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 วรรคสอง ดังนั้น ไม่ว่าศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องที่ขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นร้องขัดทรัพย์นี้เป็นประการใด ก็ไม่อาจมีผลกระทบถึงคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดของผู้ร้องไปแล้วได้ ปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัย
ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share