คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2442/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 ได้บัญญัติคำว่า จำหน่าย หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ให้ เท่านั้น หาได้บัญญัติให้มีความหมายรวมถึงการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วยไม่ ดังนั้น เมื่อจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยก็มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกระทงหนึ่ง และเมื่อจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ จำเลยก็มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอีกกระทงหนึ่ง การกระทำของจำเลยมิได้เป็นความผิดกรรมเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 46 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด ให้แก่ผู้มีชื่อเป็นเงิน 4,000 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดและยึดเงิน 4,000 บาท ซึ่งใช้ล่อซื้อ เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 66, 67, 102 ป.อ. มาตรา 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจวิเคราะห์และคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง เรียงกระทงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี รวมสองกระทง จำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจวิเคราะห์และคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนจำเลยกระทำความผิดได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135 (พ.ศ. 2539) เรื่อง ระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2539 ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2539 กำหนดให้เมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ซึ่งตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 ได้บัญญัติคำว่า “จำหน่าย หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ให้ เท่านั้น หาได้บัญญัติให้มีความหมายรวมถึงการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วยแต่อย่างใดไม่ อีกทั้งลักษณะของการกระทำความผิดสามารถแยกการกระทำแต่ละอย่างออกจากกันได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 46 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยก็มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกระทงหนึ่งแล้ว ต่อมาเมื่อจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน 40 เม็ด ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ จำเลยก็มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอีกกระทงหนึ่ง การกระทำของจำเลยมิได้เป็นความผิดกรรมเดียวดังที่จำเลยฎีกา ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยสองกรรมชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share