คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า สัญญาค้ำประกันระบุว่า ผู้ค้ำประกันตกลงเข้าค้ำประกันหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อที่จำเลยทำกับโจทก์โดยไม่จำกัดจำนวนและยินยอมผูกพันตนเข้ารับใช้หนี้ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดใช้ให้โจทก์โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยฎีกาว่า สัญญาที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยมิได้ระบุว่าหากสัญญาเลิกกันแล้วจำเลยต้องรับผิดด้วย ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาเกี่ยวกับความมีหรือไม่มีอยู่ของข้อตกลงในสัญญาค้ำประกัน มิใช่เป็นการฎีกาว่า ศาลล่างตีความในสัญญาหรือแปลความหมายในสัญญาผิด จึงเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 327,706 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 172,750 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา 172,750 บาทต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง ในกรณีที่มีการอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย การวินิจฉัยข้อเท็จจริงศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 ประกอบด้วยมาตรา 238 คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า สัญญาค้ำประกันเอกสารหมายจ.5 ข้อ 1 ระบุว่า ผู้ค้ำประกันตกลงเข้าค้ำประกันหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ทำกับโจทก์โดยไม่จำกัดจำนวนและยินยอมผูกพันตนเข้ารับใช้หนี้ซึ่งจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดใช้ให้โจทก์ โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นเพียงว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 2 ฎีกามาในข้อ 3.1 เพียงสั้น ๆมีใจความว่า เมื่อผิดนัดสัญญาเลิกกัน จำเลยที่ 2 รับผิดเฉพาะที่ผิดนัด สัญญาที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยที่ 2 ก็มิได้ระบุแต่อย่างใดว่าหากสัญญาเลิกกันแล้ว จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาเกี่ยวกับความมีหรือไม่มีอยู่ของข้อตกลงในสัญญาค้ำประกัน มิใช่เป็นการฎีกาว่าศาลล่างตีความในสัญญาหรือแปลความหมายในสัญญาผิดซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยที่ 2 จึงเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 มานั้นไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 2 คืนค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลยที่ 2

Share