คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3313/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีที่โจทก์ฟ้องเป็นเรื่องจำเลยละเลยเสียไม่ชำระหนี้ของตนตามมูลหนี้สัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ทำไว้กับโจทก์โจทก์ย่อมจะฟ้องศาลขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เต็มตามมูลหนี้นั้นได้ กรณีหาใช่เป็นเรื่องฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่การไม่ชำระหนี้แต่อย่างใดไม่โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องเอาสินค้าที่ส่งเข้ามาออกขายเพื่อใช้ค่าเสียหายนั้นก่อน
อายุความสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิต ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น อายุความจึงมีกำหนด 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2518 จำเลยได้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตชนิดเพิกถอนไม่ได้กับโจทก์ เพื่อสั่งสินค้าจากประเทศไต้หวันราคา 45,320 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยในขณะนั้นประมาณ 924,528 บาท จำเลยตกลงจะรับรองตั๋วแลกเงินและจะชำระเงินให้โจทก์เมื่อถึงกำหนดเวลาการชำระเงินตามตั๋วแลกเงินทั้งหมดและหรือจะขอรับและจ่ายเงินสำหรับเอกสารทั้งหมดที่ใช้ในการขึ้นเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตทันทีที่โจทก์เสนอหากจำเลยผิดนัด โจทก์มีสิทธินำสินค้าตามเลตเตอร์ออฟเครดิตออกขายก่อนหรือหลังจากสินค้ามาถึง นอกจากนี้จำเลยยังตกลงชำระดอกเบี้ยตามประเพณีธนาคารโดยนับแต่วันที่ธนาคารออกตั๋วแลกเงินจนถึงวันที่ธนาคารได้รับชำระเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตโจทก์ได้ชำระเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตให้แก่ผู้ขายยังต่างประเทศโดยผ่านธนาคารตัวแทนไปเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเมื่อสินค้ามาถึงประเทศไทยโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ จำเลยเพิกเฉยและมิได้มาทำสัญญาทรัสท์รีซีทกับโจทก์ จำเลยจึงเป็นหนี้โจทก์ตามเลตเตอร์ออฟเครดิตพร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 1,462,313.44 บาทขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปีในต้นเงิน 927,473.80 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า เมื่อปี พ.ศ. 2518 จำเลยได้ติดต่อกับธนาคารไทยพัฒนาจำกัด ขอให้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตเพื่อจ่ายเป็นค่าสินค้าที่จำเลยสั่งซื้อจากประเทศไต้หวัน สินค้าดังกล่าวเข้ามาถึงกรุงเทพฯ เมื่อใดธนาคารไทยพัฒนาจำกัด มิได้แจ้งให้จำเลยทราบหากโจทก์กับธนาคารไทยพัฒนา จำกัดเป็นนิติบุคคลเดียวกัน โจทก์หรือธนาคารไทยพัฒนา จำกัด ก็ชอบที่จะจัดการกับสินค้าตามประเพณีการปฏิบัติโดยทั่ว ๆ ไปดังที่กล่าวในฟ้องเสียก่อนที่จะมาเรียกร้องจากจำเลย หากจำเลยปฏิเสธไม่มาทำทรัสท์รีซีทจริง ก็ชอบที่โจทก์จะจัดการนำสินค้าออกมาและจัดการขายเพื่อให้ได้เงินมาเสียก่อนแต่โจทก์ก็ไม่จัดการกับสินค้านั้น สิทธิเรียกร้องตามฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะฟ้องเกิน 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องนั้นได้ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีที่โจทก์ฟ้องนี้ เป็นเรื่องจำเลยละเลยเสียไม่ชำระหนี้ของตนตามมูลหนี้สัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ทำไว้กับโจทก์โจทก์ย่อมจะฟ้องศาลขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เต็มตามจำนวนมูลหนี้นั้นได้ กรณีหาใช่เป็นเรื่องฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่การไม่ชำระหนี้แต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องเอาสินค้าที่ส่งเข้ามาออกขายเพื่อใช้ค่าเสียหายนั้นก่อนดังที่จำเลยให้การต่อสู้

อายุความสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตที่โจทก์ฟ้องนี้ ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น อายุความจึงมีกำหนด 10 ปีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 164 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โจทก์นำคดีมาฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

พิพากษายืน

Share