คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2433/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการขอพิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ไม่ว่าในกรณีปกติหรือในกรณีที่มีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ ระยะเวลาในการขอพิจารณาคดีใหม่ภายในสิบห้าวันหรือภายในหกเดือนแล้วแต่กรณีนั้น จะเริ่มบังคับต่อเมื่อได้มีการส่งคำบังคับโดยชอบแล้ว หากไม่มีการส่งคำบังคับโดยชอบแล้วจะยื่นคำขอพิจารณาใหม่เมื่อใดก็ได้ไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 208 ดังกล่าว
เมื่อศาลมิได้สั่งให้นำส่งและกำหนดเวลาให้นำส่งหมายนัดการไต่สวนไว้ จะถือว่าทิ้งคำร้องหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลไม่ได้

ย่อยาว

มูลกรณีเดิมโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขาย และจดทะเบียนขายฝากที่ดินสองแปลงของโจทก์ที่จำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมใบมอบอำนาจของโจทก์นำไปจดทะเบียน ขายให้จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ นำไปจดทะเบียนขายฝากให้จำเลยที่ ๒ จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายระหว่างโจทก์และจำเลยที่ ๑ และเพิกถอนการจดทะเบียนขายฝากระหว่างจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ศาลชั้นออกคำบังคับโดยวิธีประกาศให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๑๙ ปรากฏว่าที่ดินทั้งสองแปลงจำเลยที่ ๒ จำนองไว้กับธนาคาร โจทก์จึงขอให้เรียกโฉนดมาจากธนาคารและนำไปให้เจ้าพนักงานที่ดินแก้กรรมสิทธิ์เป็นของโจทก์ และคืนโฉนดที่ดินดังกล่าวให้แก่ศาลเพื่อส่งคืนธนาคารเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๒๐ ต่อมาวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๒๑ จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยที่ ๒ มิได้จงใจขาดนัด โจทก์สมคบกับพนักงานเดินหมายรายงานเท็จต่อศาลว่า ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยที่ ๒ ไม่ได้ เพราะหาบ้านจำเลยที่ ๒ ไม่พบ แล้วโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลประกาศทางหนังสือพิมพ์แทน ทำให้ศาลหลงเชื่ออนุญาตามที่โจทก์ขอ หนังสือพิมพ์ที่ลงประกาศมิใช่หนังสือพิมพ์ที่แพร่หลายในหมู่ประชาชน จำเลยที่ ๒ จึงไม่ทราบประกาศ เพิ่งมาทราบเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๒๑
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้อง จำเลยที่ ๒ ขอเลื่อนการไต่สวนมาแล้วสองครั้งวันนัดครั้งที่สามปรากฏว่ายังมิได้ส่งหมายแจ้งวันนัดไต่สวนให้โจทก์ จำเลยที่ ๒ ขอเลื่อนการไต่สวนอีก อ้างว่าทนายจำเลยที่ ๒ ถึงแก่กรรมกระทันหัน ไม่อาจตั้งทนายใหม่ได้ทัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๒ ขอพิจารณาคดีใหม่เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่ได้มีการบังคับตามคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ และจำเลยที่ ๒ ไม่นำส่งหมายแจ้งวันนัดไต่สวนแก่โจทก์เป็นการทิ้งคำร้องให้ยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่และคำร้องขอเลื่อนการไต่สวน
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่ได้มีการบังคับตามคำพิพากษา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาว่าคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๒ ได้ยื่นเมื่อพ้นกำหนด ๖ เดือนนับแต่วันที่ได้มีการบังคับตามคำพิพากษา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคแรก หรือไม่ ได้ความว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่พิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ และการจดทะเบียนขายฝากระหว่างจำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒ เสีย ต่อมาศาลชั้นต้นได้เรียกโฉนดที่ดินพิาทมาจากธนาคารมอบให้โจทก์ไป และโจทก์ได้ให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนการขายและขายฝากดังกล่าวให้เป็นไปตามคำพิพากาษเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่เมื่อระหว่างวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๑๙ ถึงวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๒๐ ครั้นวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๒๑ จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ พิเคราะห์แล้วประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคแรก แบ่งการขอพิจารณาใหม่เป็นสองกรณี กรณีแรกเป็นเรื่องขอพิจารณาใหม่ในกรณีปกติ กรณีที่สองเป็นเรื่องขอพิจารณาใหม่ในกรณีมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ ทั้งสองกรณีต้องมีการส่งคำบังคับโดยชอบแล้วเพราะกรณีแรกบัญญัติให้ยื่นคำขอภายใน ๑๕ วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับ และกรณีที่สองบัญญัติว่าถ้าไม่สามารถยื่นคำขอภายในระยะเวลาของกรณีแรกคือ ๑๕ วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับนั่นเอง นอกจากนั้นข้อความตอนท้ายของกรณีที่สองที่ว่า “แต่กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตามห้ามมิให้ยื่นคำขอเช่นว่านี้เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น” ก็แสดงว่าจะต้องมีการส่งคำบังคับโดยชอบแล้วเช่นเดียวกันจึงมีการยึดทรัพย์หรือบังคับโดยวิธีอื่นได้ ฉะนั้น หากไม่มีการส่งคำบังคับโดยชอบแล้วย่อมยื่นคำขอพิจารณาใหม่เมื่อใดก็ได้ หาอยู่ในบังคับของมาตรา ๒๐๘ วรรคแรกไม่ คดีนี้แม้ได้ความว่าคำขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๒ ได้ยื่นเมื่อพ้น ๖ เดือนนับแต่เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนการขายและขายฝาก อันเป็นการบังคับ คำพิพากษาโดยวิธีอื่น แต่จำเลยที่ ๒ อ้างตามคำร้องขอพิจารณาใหม่ว่า โจทก์สมคบกับพนักงานเกินหมายรายงานให้ศาลหลงเชื่อว่าจำเลยที่ ๒ ไม่มีภูมิลำเนาตามฟ้อง จนศาลอนุญาตให้ประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ ซึ่งมิใช่หนังสือพิมพ์ที่แพร่หลายในหมู่ประชาชน ให้จำเลยที่ ๒ ให้การแก้คดีกำหนดวันสืบพยาน และประกาศให้จำเลยที่ ๒ ทราบคำบังคับตลอดมา ดังนี้ หากได้ความเป็นความจริงดังจำเลยที่ ๒ อ้าง การส่งคำบังคับแก่จำเลยที่ ๒ ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๒ หาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคแรกไม่ ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะฟังพยานหลักฐานจากการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ ๒ ต่อไป ว่าการส่งคำบังคับแก่จำเลยที่ ๒ ชอบหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๒ ยื่นเมื่อพ้นกำหนด ๖ เดือน นับแต่วันที่ได้มีการบังคับตามคำพิพากษา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคแรก ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย จำเลยที่ ๒ ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า การที่จำเลยที่ ๒ มิได้ส่งหมายนัด จะถือว่าจำเลยที่ ๒ ทิ้งคำร้องหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลมิได้ ปัญหาข้อนี้จำเลยที่ ๒ ยกขึ้นอุทธรณ์ไว้แล้ว แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวน พิเคราะห์แล้วได้ความว่าในวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ ซึ่งเป็นวันนัดไต่สวนคำร้องของพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๒ ทนายจำเลยที่ ๒ ขอเลื่อน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดไต่สวนในวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๒๒ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา และมีคำสั่งต่อไปว่า “แจ้งวันนัดให้โจทก์ทราบ ไม่มีผู้รับให้ปิด” ศาลชั้นต้นได้ออกหมายนัดเพื่อแจ้งวันนัดไต่สวนให้โจทก์ทราบไว้แล้ว แต่จำเลยที่ ๒ หรือผู้แทนมิได้มาส่งหมายนั้น ครั้นวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๒๒ จำเลยที่ ๒ ขอเลื่อนการไต่สวนอีก อ้างว่าทนายจำเลยที่ ๒ ถึงแก่กรรมกะทันหัน จำเลยที่ ๒ ไม่อาจแต่งตั้งทนายใหม่ได้ทัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๒ ยื่นเมื่อพ้นกำหนด ๖ เดือนนับแต่ได้มีการบังคับตามคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคแรก เสร็จสิ้นแล้ว เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแจ้งวันนัดไต่สวนแก่โจทก์เป็นการทิ้งคำร้องหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอีกโสดหนึ่ง ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ ๒ ที่ขอให้พิจารณาใหม่ และคำร้องขอเลื่อนคดีเสีย ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีนี้มิใช่เรื่องจำเลยที่ ๒ เพิกเฉยไม่มาส่งหมายและสำเนาคำร้องขอพิจารณาใหม่แก่โจทก์ แต่เป็นเรื่องหมายนัดเพื่อแจ้งวันนัดไต่สวนมาให้โจทก์ทราบ และศาลชั้นต้นหาได้มีคำสั่งให้จำเลยที่ ๒ นำส่งและกำหนดเวลาให้นำส่งไว้ไม่ การที่จำเลยที่ ๒ หรือผู้แทนไม่นำส่งหมายนัดดังกล่าวจะถือว่าจำเลยที่ ๒ ทิ้งคำร้องหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลมิได้ทั้งการที่ทนายจำเลยที่ ๒ ถึงแก่กรรมกะทันหันเป็นเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยที่ ๒ เลื่อนคดีศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยที่ ๒ ที่ขอพิจารณาใหม่ และคำร้องขอเลื่อนคดีเสีย ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๒ ต่อไป แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share