แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยด้วยวาจา ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่าจำเลยบังอาจใช้เครื่องมืออวนรุนทำการประมงภายในเขตระยะ3,000 เมตร นับจากขอบแนวตามชายฝั่งโดยไม่รับอนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุนที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2515จำเลยให้การรับสารภาพดังนี้ ประกาศกระทรวงเกษตรฉบับดังกล่าวออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด และมีข้อความว่าอย่างไรนั้นเป็นข้อเท็จจริงเมื่อจำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์และกล่าวอ้างว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยประการต่าง ๆ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จำเลยยกขึ้นฎีกามาอีกต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2491มาตรา 32, 65, 70 และขอให้ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุกคนละ 1 เดือนและปรับคนละ 400 บาท โทษจำคุกรอไว้คนละ 1 ปี ของกลางริบ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยฎีกาว่าประกาศกระทรวงเกษตรเรื่อง กำหนดเขตห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุนที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงฉบับลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2515 นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรออกประกาศโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 32(2) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2491 แต่ มาตรา 32(2) กำหนดไว้เกี่ยวกับเรื่องห้ามมิให้ใช้เครื่องมือ ส่วนมาตรา 32(4) กำหนดวิธีใช้เครื่องมือทำการประมง ประกาศกระทรวงเกษตรฉบับดังกล่าวที่ออกมาห้ามกระทำการใด ๆ ที่ใช้เครื่องมือโดยเรือยนต์ทุกชนิดทำการประมงภายในระยะ 3,000 เมตรนับจากขอบน้ำตามแนวชายฝั่งขณะทำการประมง เป็นเรื่องกำหนดระยะทางห้ามทำการประมง จึงเป็นคนละเรื่องกัน เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งตามคำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่า “ขณะทำการประมง” ตามที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงเกษตรฉบับนั้น จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ชอบที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์เสีย พิเคราะห์แล้ว ประกาศกระทรวงเกษตรตามฟ้องมีจริงหรือไม่ และมีข้อความอย่างไร เป็นข้อเท็จจริง คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดด้วยวาจาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 19 และมาตรา 20ประกอบด้วยพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 3 ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่า จำเลยบังอาจใช้เครื่องมืออวนรุนทำการประมงภายในเขตระยะ 3,000 เมตรนับจากขอบน้ำตามแนวชายฝั่ง โดยไม่รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุนที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมง ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2515 จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหาไม่ต่อสู้คดี ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่า ประกาศกระทรวงเกษตรดังกล่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 32(2) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 ก็ดี มีข้อความว่าห้ามกระทำการใด ๆที่ใช้เครื่องมือโดยเรือยนต์ทุกชนิดทำการประมงภายในระยะ 3,000 เมตรนับจากขอบน้ำตามแนวชายฝั่งขณะทำการประมง ก็ดี หามีฝ่ายใดยกขึ้นว่าในศาลชั้นต้นไม่ จึงไม่ปรากฏในสำนวน จำเลยที่ 1 เพิ่งยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ แล้วกล่าวอ้างว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยประการต่าง ๆจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้แล้วพิพากษายืน ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ยกขึ้นฎีกามาอีก ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ 1