คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การนำสืบการใช้เงินว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง นั้นหมายความเฉพาะถึงการใช้ต้นเงินที่กู้ยืมไปเกินกว่า 50 บาท เท่านั้น ไม่กินความถึงการใช้ดอกเบี้ยด้วยการชำระดอกเบี้ยย่อมนำสืบด้วยพยานบุคคลได้ไม่ขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2503)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกต้นเงินกู้และดอกเบี้ยที่ค้างจากจำเลย ๆ ต่อสู้ว่าได้ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ไปบ้างแล้ว ในวันชี้สองสถานจำเลยรับว่า การชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือจำเลยขอสืบพยานบุคคล ศาลแพ่งสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่าการชำระดอกเบี้ยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย เมื่อไม่มีก็จะสืบพยานบุคคลว่าชำระแล้วไม่ได้ พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การนำสืบการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2 หมายความเฉพาะการนำสืบการใช้ต้นเงินเท่านั้น ไม่กินความถึงการใช้ดอกเบี้ยด้วย จำเลยขอสืบพยานบุคคลในข้อนี้ได้ พิพากษายกคำพิพากษาศาลแพ่ง ให้ศาลแพ่งสืบพยานในประเด็นเรื่องการชำระดอกเบี้ยตามที่จำเลยอ้างแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่

โจทก์ฎีกาว่า การชำระดอกเบี้ยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2 อ้างฎีกาที่ 52/2480

ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2 บัญญัติเรื่องการนำสืบการใช้เงินว่า ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือเฉพาะเรื่องการกู้ยืมเงินกว่า 50 บาท ขึ้นไปเท่านั้น ส่วนดอกเบี้ยหาได้มีบัญญัติไว้ไม่ ด้วยเหตุนี้ การที่จำเลยจะนำสืบพยานบุคคลว่าได้ชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์จึงไม่ขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ฎีกาที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับเรื่องนี้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share