คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 413/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเรียกเงินค่าหุ้นซึ่งยังค้างชำระจากผู้ถือหุ้นได้นั้น เป็นการให้เรียกร้องมาเป็นสินทรัพย์ของบริษัทผู้ล้มละลาย เพื่อแบ่งให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายตามส่วนดังนั้น จะต้องเป็นผู้ถือหุ้นตามกฎหมายที่จะต้องรับผิดชำระต่อบริษัทส่วนผู้ที่จะต้องรับผิดเพราะการแสดงออกให้เจ้าหนี้บางคนหลงเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ถือหุ้นประการใดนั้นเป็นเรื่องของเจ้าหนี้ผู้หลงเข้าใจผิดแต่ละรายไปหาใช่สิทธิของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่

ย่อยาว

สาขาคดีล้มละลายนี้เนื่องจากศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์บริษัทจำเลยเด็ดขาด และต่อมาพิพากษาให้ล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ร้องให้ชำระเงินค่าหุ้นที่ค้าง 157,500 บาท ผู้ร้องปฏิเสธและยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลแพ่งว่า ผู้ร้องมิได้เป็นผู้ถือหุ้นและค้างชำระค่าหุ้น 157,500 บาทเลยหากจะเป็นลูกหนี้ค่าหุ้นก็เพียง 1 หุ้นในตอนเริ่มก่อตั้งบริษัทเท่านั้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อสู้ว่าผู้ร้องเป็นผู้ถือหุ้นตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทเป็นจำนวน 10 หุ้น คือ หมายเลขหุ้น 1 ถึง 10 และผู้ร้องยังได้รับโอนหุ้นอีก 200 หุ้น คือ หมายเลขหุ้น 121 ถึง 320 ได้มีการชำระค่าหุ้นเพียง 25% คือ หุ้นละ 250 บาท ยังค้างชำระอีกหุ้นละ 750 บาท ผู้ร้องค้างค่าหุ้นทั้งสิ้น157,500 บาท

ศาลแพ่งพิจารณาแล้วสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ให้ผู้ร้องชำระหนี้ค่าหุ้นเป็นเงิน 157,500 บาท แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน, ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า สิทธิของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเรียกเงินค่าหุ้นซึ่งยังค้างชำระจากผู้ถือหุ้นได้นั้น เป็นการให้เรียกร้องมาเป็นสินทรัพย์ของบริษัทผู้ล้มละลายเพื่อแบ่งให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายตามส่วน ดังนั้น จะต้องเป็นผู้ถือหุ้นตามกฎหมายที่จะต้องรับผิดชำระต่อบริษัท ส่วนผู้ที่จะต้องรับผิดเพราะการแสดงออกให้เจ้าหนี้บางคนหลงเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ถือหุ้นประการใดนั้น เป็นเรื่องของเจ้าหนี้ผู้หลงเข้าใจผิดแต่ละรายไปหาใช่สิทธิของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่

เรื่องหุ้น 10 หุ้น หมายเลข 1 ถึง 10 ที่ว่าผู้ร้องถือหุ้นตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทผู้ล้มละลายนั้น ผู้ร้องเบิกความรับว่า เมื่อเริ่มก่อตั้งบริษัทได้จองไว้ 10 หุ้น และในชั้นฎีกาสำหรับ 10 หุ้น นี้ ผู้ร้องคงเถียงคัดค้านมาแต่ว่าได้ชำระค่าหุ้นจนหมดแล้ว บริษัทไม่ได้ออกใบเสร็จและใบหุ้นให้ ข้อนี้ ตามเอกสารปรากฏมีการชำระค่าหุ้นเพียงหุ้นละ 250 บาทเท่านั้น ทั้งในคำร้องของผู้ร้องต่อศาลก็มิได้ยกข้อนี้ขึ้นคัดค้านเป็นแต่ปฏิเสธว่ามิได้มีหุ้นจำนวนใด ๆ เลย จึงไม่มีประเด็นที่ผู้ร้องจะนำสืบว่าได้ชำระค่าหุ้นหมดแล้ว

เรื่องการโอนหุ้น 200 หุ้น หมายเลข 121 ถึง 320 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การโอนมิได้ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรค 2 บัญญัติว่า การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอน มีพยานรับรองลายมือนั้น ๆ ด้วยแล้วเป็นโมฆะ ศาลฎีกาเห็นว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แสดงพยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่า ผู้ร้องได้เป็นผู้ถือหุ้นหมายเลข 121 ถึง 320 ตามกฎหมายแล้ว ไม่มีสิทธิจะเรียกเงินค่าหุ้นสำหรับหุ้น 200 หุ้นนี้จากผู้ร้องได้

พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ ให้จำหน่ายชื่อผู้ร้องจากบัญชีผู้ถือหุ้นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สำหรับหุ้นเลขหมาย 121 ถึง 320 นั้นเสีย

Share