คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีวิวาทศาลจะลงโทษฐานทำร้ายร่างกายก็ต่อเมื่อได้ความชัดว่า จำเลยคนนั้นได้ลงมือทำร้ายคนไหนโดยเฉพาะส่วนคนที่ร่วมมือในการวิวาทมีผิดเพียงฐานวิวาทเท่านั้น
โจทก์ฟ้องบรรยายในเบื้องต้นกล่าวไว้ชัดว่า เป็นเรื่องวิวาท ซึ่งต่างสมัครใจเข้าทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันแล้วไขความต่อไปว่า จำเลยสมคบกับพวก(ระบุชื่อ) ทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บ บางคน ขอให้ลงโทษตาม มาตรา 254
ดังนี้ เป็นข้อความที่ขัดกับความที่กล่าวไว้ในเบื้องต้นว่าเป็นกรณีวิวาทแม้จำเลยรับสารภาพ ศาลก็ลงโทษตามมาตรา 254ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2488 จำเลยและพวกกับนายเหรียญและพวกต่างสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันแล้วไขความต่อไปว่าจำเลยกับพวก (ระบุชื่อผู้ที่เป็นพวก) รวม 5 คน สมคบกันใช้อาวุธทำร้ายร่างกายนายเหรียญกับพวก (ระบุชื่อ) รวม 3 คน บาดเจ็บบางคน แล้วนายเหรียญกับพวกสมคบกันใช้อาวุธทำร้ายร่างกายจำเลยกับพวกบาดเจ็บบางคน ขอให้ลงโทษตามมาตรา 254

จำเลยรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นปรับจำเลย 50 บาทตามกฎหมายอาญา มาตรา 335 ข้อ 14ลดฐานรับกึ่งหนึ่งคงปรับ 25 บาท

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ในเรื่องนี้ จริงอยู่ที่ใช้คำว่าสมคบกันทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายหนึ่ง แต่คำบรรยายในตอนต้นกล่าวไว้ชัดว่าเป็นเรื่องวิวาท ซึ่งต่างสมัครใจเข้าทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ในกรณีวิวาทศาลจะลงโทษฐานทำร้ายร่างกายก็ต่อเมื่อได้ความชัดว่า จำเลยคนนั้นได้ลงมือทำร้ายคนไหนโดยเฉพาะ ส่วนคนที่ร่วมมือในการวิวาทก็มีผิดเพียงฐานวิวาทเท่านั้น ในเรื่องนี้โจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยได้ลงมือทำร้ายร่างกายใครเป็นแต่กล่าวว่าสมคบซึ่งขัดกับความที่กล่าวไว้ในเบื้องต้นว่าเป็นกรณีวิวาท ศาลล่างพิพากษาชอบแล้ว พิพากษายืน

Share