แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทบันยายฟ้องว่า “ข้าพเจ้าซาบว่าระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนเมสายน 2484 จำเลยที่ 1 สมคบกัน จำเลยที่ 2 บังอาดกะทำละเมิด” ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเปนฟ้องที่ชัดแจ้งพอที่จะเข้าไจได้แล้วว่าโจทกล่าวยืนยันข้อเท็ดจิงว่าจำเลยได้กะทำละเมิด
ย่อยาว
สาลชั้นต้นวินิฉัยฟ้องของโจทไนประเด็นข้อหาที่ว่า “ครั้นวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๔๘๔ ข้าพเจ้าซาบว่าระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนเมสายน ๒๔๘๔ รวม ๔ เดือน จำเลยที่ ๑ สมคบกับจำเลยที่ ๒ บังอาดกะทำละเมิด”
สาลชั้นต้นเห็นว่าโจทกล่าวแต่เพียงว่า ซาบว่าเท่านั้น ไม่ได้กล่าวยืนยันข้อเท็ดจิงว่า จำเลยได้กะทำละเมิด จึงเปนฟ้องที่ไม่มีรายการข้อกล่าวหาโดยแจ้งชัด ไม่ชอบด้วย ป.ว.พ.มาตรา ๖๗,๑๗๒ จึงพิพากสาว่าฟ้องโจทไม่มีมูลอันควนรับไว้พิจารนา ไห้ยกฟ้อง
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์วินิจฉัยว่า คำฟ้องดังกล่าวแล้วชัดแจ้งพอที่จะเข้าไจได้แล้วว่า โจทกล่าวยืนยันข้อเท็ดจิงว่าจำเลยได้กะทำละเมิด จำเลยก็มิได้ยกขึ้นเปนข้อต่อสู้ไนข้อนี้ จึงพิพากสาไห้ยกคำพิพากสานั้นเสีย ไห้สาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็ดจิงแล้วพิพากสาไหม่ตามกะบวนพิจารนา
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่า เมื่อได้อ่านฟ้องโจทโดยทั่งกันแล้ว เปนที่เข้าไจได้ว่าโจทหาว่าจำเลยละเมิดขุดเอาแร่ดีบุกของโจทไป ๓๐๐ หาบ จึงเห็นพ้องด้วยสาลอุธรน์ว่า ฟ้องเช่นนี้เปนฟ้องชัดแจ้งตามมาตรา ๑๗๒ วัค อ.ป.ว.พ. แล้ว จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์